พระธรรมของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ มงคลวิเสสกถา หน้า 323
หน้าที่ 323 / 390

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับการสอนของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) ที่กล่าวถึงอภินิหารและพระบุญญาภินิหารในบริบทของพระสัมมาสัมโพธิญาณ โดยเน้นถึงการศึกษาลัทธิของคณาจารย์ในสมัยนั้นและความพยายามของพระองค์ในการค้นหาความรู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งการตรัสรู้ อธิบายถึงความสำคัญของการพิจารณาและการมีสัมมาทิฏฐิในการดำเนินชีวิตและการแสวงหาความจริง

หัวข้อประเด็น

-การศึกษาลัทธิของสองคณาจารย์
-พระสัมมาสัมโพธิญาณ
-อภินิหารและบุญญาภินิหาร
-การแสวงหาความรู้
-ความสำคัญของสัมมาทิฏฐิ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) ព២៨ ที่ได้กุศลไว้ ย่อมเป็นปัจจัยแห่งอภินิหาร อันเป็นฐานแห่งการณวสิกตา ดังนี้ บัณฑิตจึงนิยมไว้ว่า ความเป็นผู้อยู่ในอำนาจแห่งเหตุ เป็นคุณสมบัติพิเศษท่านผู้มีบุญญาภินิหาร ด้วยประการฉะนี้ สมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบริบูรณ์ด้วยพระบุญญาภินิหารพุทธบารมี จึง ทรงถึงพร้อมด้วยการณวสิกตาคุณนี้เป็นอย่างยอดเยี่ยม ไม่มีผู้อื่นเทียมถึง พึงสันนิษฐานเห็นได้ ในพระปฏิปทานั้น ๆ อันจะรับพระราชทานพรรณนาเป็นนิทัศนนัยโดยเอกเทศ ในการแสวงหาพระสัมมาสัมโพธิญาณ ชั้นแรกเสด็จไปทรงศึกษาลัทธิของสองคณาจารย์ คืออาฬารดาบส กาลามโคตร แลอุทกดาบส รามบุตร ผู้ซึ่งมหาชนยกย่องว่าเป็นคณาจารย์ ชั้นสูงในครั้งนั้นก่อน ข้อนี้ก็ส่อพระการณวสิกตา เพราะว่าแม้จะไม่ทรงเชื่อสนิทในสองคณาจารย์ แต่ทรงมั่นพระหฤทัยในความสามารถของพระองค์เองปานไรก็ตาม แต่เหตุการณ์บ่งความสมควร อยู่ว่า ถ้าพระองค์จะไม่ทรงศึกษาลัทธิของคณาจารย์อื่น เช่นสองดาบสนั้นก่อน ตั้งต้นทรง แสวงหาพระสัมมาสัมโพธิญาณโดยลำพัง ถ้าพลาดพลั้งไม่สำเร็จ โลกก็จะติ ว่าพระองค์มีถัมภ มานะอติมานะ แลชวนกันเย้ยหยันหากได้สำเร็จแล้วจะตรัสเทศนาเชิดชูพระธรรมที่พระองค์ได้ ตรัสรู้นั้นให้เด่นก็ยาก เพราะคณาจารย์เจ้าลัทธินั้น ๆ จะคอยขัดขวางอ้างลัทธิของตนขึ้นแข่ง จะทรงคัดค้านโต้แย้งก็ไม่ถนัด เพราะไม่เคยทรงศึกษาสันทัดในลัทธินั้น ๆ มา ครั้นได้ทรง ศึกษาเจนจนลัทธิซึ่งนิยมว่าสูงนั้นแล้ว ถึงไม่ได้ตรัสรู้ภายหลัง ก็ยังเป็นศิษย์มีครู เมื่อได้ตรัสรู้แล จะทรงแสดงธรรมโปรดเวไนย ก็อาจปลูกศรัทาเลื่อมใสได้ไม่ยาก หากจะมีเจ้าลัทธิอื่นที่ไม่สูงถึง สองคณาจารย์นั้น มาขันแข่งก็หาประหลาดไม่, ข้อนี้แสดงเยี่ยงการณวสิกชนเมื่อได้เหตุอันสมควร ก็ยอมเชื่อถือผู้อื่นที่เข้าทั้งหลายนับถือกัน ตัดทางปรัปปวาทว่าเป็นเจ้าทิฏฐิมานะไม่ลงใคร อีกข้อหนึ่ง เมื่อทรงเห็นว่าลัทธิสมัยของคณาจารย์ทั้งสองมิใช่คลองแห่งพระโพธิญาณ ก็ทรงอำลาสองคณาจารย์โดยสุคโตบาย ยังความอาลัยเสียดายให้เกิดแก่ท่านทั้งสอง เสด็จไปใน การแสวงหาพระสัมมาสัมโพธิญาณ โดยลำพัง ทีแรกทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ซึ่งในสมัยนั้นนิยมว่า เป็นบุญอย่างอุกฤษฎ์ เป็นทางสัมฤทธิ์แห่งผลทั้งปวงที่ปรารถนา สิ่งที่คนทั้งโลกนิยมว่าดี แม้ จะมีวิมัติกังขาอยู่ในใจ แต่เมื่อไม่ได้ข้อพิสูจน์พอเพียง จะโต้เถียงคัดค้านสิ่งนั้นก็ไม่ชอบแก่เหตุ ทางที่ดีควรทดลองด้วยตน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More