ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
บำเพ็ญขันติอดทนตรากตรำต่อหนาวร้อนหิวกระหาย
២៣៦
อดทนลำบากต่อทุกขเวทนาในเวลาทรง
ปฏิบัติงาน ในเวลาทรงพระประชวรอดทนพระราชหฤทัยต่อารมณ์ทั้งที่น่าปรารถนา และไม่น่า
ปรารถนาต่าง ๆ ต่อบุคคลและเหตุการณ์ต่าง ๆ ทรงประกอบด้วยความเข็มแข็งอดทน ทนทาน
สงบพระราชหฤทัยเป็นปรกติได้ ในสถานการณ์ทั้งปวง จึงทรงเป็นที่ตั้งรับที่มั่นคงพระขันติที่ทรง
บำเพ็ญจึงยิ่งใหญ่ไพศาล ควรจัดเป็นพระขันติบารมีได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าจันทกุมารในจันท
ซึ่งได้ทรงมีขันติในการทรงวินิจฉัยอรรถคดีโดยธรรม ทรงอดทนต่อการกลั่นแกล้งต่าง
ๆ ของปุโรหิต ทรงรักษาธรรมแม้ว่าจะถูกเผาบูชายัญ ทรงมุ่งให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชน
เป็นที่ตั้ง ไม่หวั่นไหวต่ออันตรายแม้แห่งชีวิตนับเป็นพระราชปฏิบัติส่วนอัตตสมบัติ คือ วิริยะ
จัดเป็นมงคลวิเสสที่ ขันติ จัดเป็นมงคลวิเสสที่ ๒
กุมารชาดก
๑
พระราชจริยารัฏฐาภิบาลโนบายนั้น
คือพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติ
กระทำเพื่อ
ประโยชน์คุณแก่พระราชอาณาจักรและประชาชน จะขอรับพระราชทานถวายด้วยทศพิธราชธรรม
ข้อ ๕ คือ มัททวะ ความอ่อนโยน และข้อ ๖ ข้อ ตปะ หรือ ตบะ คุณเป็นเครื่องเผาผลาญ
จำกัดบาปอกุศล โดยปรหิตปฏิบัติปริยาย
มัททวะ แปลว่า ความอ่อนโยน คือความเป็นผู้มีอัธยาศัยอ่อนโยน ไม่ดึงดื้อถือตนด้วย
อำนาจถัมภะ (ดื้อดุจเสา) มีความอ่อนโยนไปตามเหตุผล ตามสมควร ดังที่เรียกว่า การณว
สิก เป็นไปตามอำนาจแห่งเหตุที่ควรดำเนิน และมีสัมมาคารวะต่อท่านผู้ใหญ่ผู้เจริญ อ่อนโยนต่อ
บุคคลที่เสมอกันและต่ำกว่า วางตนสม่ำเสมอ ไม่กระด้างดูหมิ่นผู้อื่นด้วยอำนาจมานะเพราะชาติ
เพราะโคตร เพราะยศ เพราะทรัพย์ เป็นต้น
ข้อที่พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทรงมีพระราชอัธยาศัยอ่อนโย
เมื่อมีผู้กราบทูลด้วยข้อ
อรรถข้อธรรมที่กอปรด้วยเหตุผล ซึ่งเป็นวิสัยของบัณฑิตชน มิได้ทรงห้ามปรามทรงวิจารณ์โดย
ถ้วย ถ้าดีชอบก็ทรงอนุโมทนาอนุวัตรตาม ไม่ทรงถือพระองค์ด้วยอำนาจมานะ
คารวะอ่อนน้อมแก่ผู้เจริญโดยวัย โดยคุณ ไม่ทรงดูหมิ่นจัดเป็นมัททวะ
ทรงสัมมา
บารมีข้อที่ ๕ คือ วิริยะ กับทศพิธราชธรรมข้อที่ ๕ คือ มัททวะ ความอ่อนโยนดู
ถ้อยคำต่างความหมายกัน
แต่เมื่อพิจารณาจากหลายพระสูตรจะพบว่ามีความเนื่องกันอยู่ใน
ประการที่สำคัญ ยกตัวอย่างในกันทรกสูตร แสดงว่าจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
ไม่มีเนิน ปราศจากอุปกิเลส เป็นจิตอ่อน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่ถึง