ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ ญาณวรเถร)
พ. ศ. ๒๔๗๔
๓๒๔
ในปีนี้ (พ. ศ. ๒๔๗๔) จะเลือกธรรมมารับพระราชทานถวายวิสัชนา
๑
อุบายโกศล ๑ สติปัฏฐาน ๑ รัฏฐาภิบาลโนบาย
๑ พอเป็นนิทัสนนัย
(อุบายโกศล ถวายซ้ำ พ.ศ. ๒๔๖๕)
พระคุณคืออุบายโกศลนี้ เป็นมงคลวิเศษที่ครบต้น
๓ ประการ คือ
พระคุณข้อนี้ เป็นเหตุปกครองประชาชนกับรัฐมณฑลให้ร่มเย็นเป็นสุขสงบราบคาบเพราะ
อาศัยพระปรีชาทรงทราบรอบคอบในอุบายเครื่องผ่อนผันสั้นยาว ให้เหมาะแก่เหตุมีธรรมเทศะแล
โอกาสเป็นหลักมั่น ไม่ทรงป่วนปั่นไปตามความสรรเสริญแลครหาของประชาชน ซึ่งมีกมลแล
อัธยาศัยต่าง ๆ กัน มีพระสติตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ทรงดำเนินตามคติวิสัยของบัณฑิตผู้สมควรเป็น
ศาสดาจารย์ มีสติปัฏฐานทั้ง เป็นอารมณ์
๓
ดังจะถวายวิสัชยาโดยอนุกรมต่อไปใน
ข้อที่ ๒
สติปัฏฐาน ๓ มาในสฬายตนวิภังคสูตร ในมัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์เป็นธรรมของผู้เป็น
ศาสดาครูสั่งสอนปกครอง หมู่คณะ จะถวายวิสัชนาโดยนัยตามเนื้อความในพระสูตรนั้น ธรรมเป็น
ที่ตั้งมั่นแห่งสติ เรียกว่า สติปัฏฐาน ศาสดาครูสั่งสอน ผู้อนุเคราะห์ แสวงหาประโยชน์ อาศัย
ความกรุณาแสดงธรรมแก่สาวกทั้งหลายว่า ส่วนนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ท่านทั้งหลาย
ส่วนนี้ เป็นไปเพื่อความสุขแก่ท่านทั้งหลาย ลางคราวสาวกของศาสดานั้น ไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยโสต
ฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะเข้าใจซึมซาบ แลประพฤติหลีกออกจากคำสอน ศาสดานั้นก็ไม่เสียใจ ไม่แสดง
ความเสียใจ
แลไม่มีใจขุ่นเคือง
เพราะเรื่องที่ประพฤติมิชอบของสาวกเหล่านั้น
สติสัมปชัญญะมั่นอยู่ ความที่ตั้งจิตให้สถิตคงอยู่ได้ด้วยสตินี้ เป็นสติปัฏฐานที่ ๑ ฯ
ดำรง
อนึ่ง ศาสดาผู้กรุณาแสดงธรรมแก่สาวก เพื่อประโยชน์แลความสุขเช่นนั้น ลางคราวสาวก
ของศาสดานั้น ลางพวกไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยโสตหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะเข้าใจ