ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
อีกเรื่องหนึ่ง
๓๓๓
พระองค์ให้สงฆ์ทำปัตตนิกกุชชนกรรม คือคว่ำบาตรแก่เจ้าวัฑฒลิจฉวีผู้
อันภิกษุเมตติยะแลภุมมชะเลี้ยงสอนให้ใส่ความพระทัพพมัลลบุตรว่า
ทำชู้ด้วยภรรยาของเธอ
เรื่องนี้ถ้าพระองค์ไม่โปรดให้นิเคราะห์เสีย คฤหัสถ์ชนผู้เป็นพาล ก็จะสำคัญเห็นพวกภิกษุเป็นผู้
อันตนจะพึงพวกภิกษุเป็นผู้อันตนจะพึงรุกรานได้ตามอำเภอใจภิกษุทั้งหลายแม้หาความผิดมิได้ ก็
จะต้องเสื่อมเสียเดือดร้อนอยู่ร่ำไป
แลชื่อว่าไม่ทรงคุ้มเกรงสหธรรมิกบริษัทซึ่งนับเป็นอันโตชน
ปล่อยให้คนภายนอกข่มเหงเปล่า ๆ ปล้ำ ๆ ด้วยเหตุนี้ จึงต้องโปรดให้นิเคราะห์ไว้เป็น
เยี่ยงอย่าง แต่นิเคราะห์ทั้งสองวิธีนี้ เมื่อผู้ถูกนิเคราะห์ รู้สำนึกกลับทำดี ก็โปรดให้ระงับ คือ
ถอนประณาม แลทำพิธีหงายบาตร ไม่เช่นนั้นจะกลับเป็นการอาฆาตมาดร้ายต่อกันไป
๓
อีกเรื่องหนึ่ง โปรดให้ทำปกาศนียกรรมแก่พระเทวทัตต์ คือ ประกาศตัดไม่รับรองความ
ประพฤติ มีเรื่องเล่าในคัมภีร์สังฆเภทขันธกะว่า เมื่อครั้งเสด็จประทับ ณ กรุงราชคฤห์ คราว
หนึ่งกำลังทรงแสดงธรรมในท่ามกลางบริษัทใหญ่ พร้อมทั้งพระราชา พระเทวทัตต์เข้าไปกราบทูล
ขอรับเป็นผู้ปกครองภิกษุสงฆ์แทนพระองค์ ขอให้ทรงมอบภิกษุสงฆ์แก่ตน อ้างเหตุว่าพระองค์
ทรงพระชราแล้ว ชอบแต่จะขวนขวายน้อย ประกอบทิฏฐธรรมสุขวิหารอยู่ พระองค์ไม่โปรดแล
ทรงห้ามโดยละม่อมถึง ๒ ครั้งพระเทวทัตต์ยังขึ้นกราบทูลอีกเป็นครั้งที่ ๓ ซึ่งเป็นครั้งเด็ดขาดจึง
ตรัสเป็นอัปปสาทโวหารรุกรานพระเทวทัตต์ว่า แต่สารีบุตรแลโมคคัลลานะเรายังไม่ยอมมอบ
ภิกษุสงฆ์ให้ทำไมเราจึงจะมามอบให้เธอซึ่งเป็นคนเหมือนศพ แลเป็นคนกินเขฬะเก่า การที่
ตรัสรุกรานแรงถึงเช่นนี้ เพื่อจะตัดการเซ้าซี้ของพระเทวทัตต์ เพราะไม่ใช่วิสัยที่พระตถาคตจะ
ตรัสยิ่งกว่าครั้งที่ อนึ่ง ทรงหยั่งทราบความดื้อดึงแข้งกระด้างแห่งพระเทวทัตต์ ซึ่งไม่มีทางจะ
เอาไว้อยู่ได้ ก็ต้องปล่อยไปตามการณ์, พระเทวทัตต์เมื่อถูกรุกรานเช่นนั้นก็แสดงอาการโกรธ
แค้นเอาฆาตทูลลาไป พระองค์ทรงเห็นว่า พระเทวทัตต์เริ่มเปลี่ยนปกติท่วงที่จะคิดการใหญ่
ที่ไหนจะสงบแต่เพียงเท่านี้ จะทรงนิ่งไว้ ถ้าพระเทวทัตต์ไปทำอะไรเสียหายร้ายแรงเข้า ก็จะเป็น
ข้อมัวหมองพลอยมาถึงพระองค์แลหมู่คณะตลอดถึงพระธรรมวินัย มีทางเสียหายมากกว่าดี จำ
จะทำวิธีตัดรอนพระเทวทัตต์เสียจาก พุทธนิสัย ธรรมนิสัย แลสังฆนิสัย ต่อนั้นไปเธอจะทำอะไร
ผิด ก็จะได้ไม่พลอยหมองติดมาถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เหมือนตัดนิ้วอันอสรพิษกัด
เสียนิ้วหนึ่ง รักษาอวัยวะอื่น ๆ รวมทั้งชีวิตไว้ ไม่เป็นทางที่ผู้มีปัญญาจะติฉินว่าทำเกินสมควร
ดังนี้
๓