ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
สำหรับท่านผู้ใหญ่ด้วยในฝ่ายคฤหัสถ์
ขันติจัดเป็นราชธรรมประการหนึ่ง
๓๔๑
มาในคาถาแสดง
ทศพิธราชธรรม, พระเจ้าแผ่นดินผู้ขาดพระคุณสมบัติข้อนี้ จะพึงปรากฏว่ามีพระราชจรรยาอัน
หุนหันไม่ละมุนละไม ปราศจากพระเมตตาในประชาชนพสกนิกร, สมเด็จวัชรินทร์จอมอมรชั้น
ดาวดึงส์สวรรค์ ยังได้ตรัสสรรเสริญขันติไว้ดังนี้ว่า
เอตเทว อห์ มญฺเญ
ปร์ สงฺกุปิติ ญาวา
พาลสุส ปฏิเสธน์
โย สโต อุปสมมติ
เราเห็นว่า ความประพฤติของคนผู้รู้ว่า
คนอื่นโกรธแล้ว
มีสติสงบอยู่ เป็นเครื่องห้ามชน
พาลได้
โย หเว พลวา สนฺโต
ทุพพลสฺส ติกฺขติ
ตมาหุ ปรม ขนฺติ
។
คนใดเป็นผู้มีกำลังจริง แต่ย่อมอดนิ่งแก่ผู้หากำลังมิได้ ปราชญ์ทั้งหลาย ได้กล่าวความอดนิ่งของ
ตนนั้นว่า ขันติอย่างยิ่ง เพราะหากำลังมิได้ จำต้องอดอยู่เองเป็นนิตย์
กุทธ์ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต
อุภินนมตฺถ์ จรติ
คนผู้ไม่โกรธตอบคนผู้โกรธแล้ว ชื่อว่าย่อมชนะสงคราม ที่จะเอาชัยได้ยาก ชื่อว่า ย่อมประพฤติ
ประโยชน์แก่ตนและแก่ผู้อื่น ทั้งสองฝ่าย
นิจจ์ ขมติ ทุพฺพโล
สงฺคาม เชติ ทุชฺชย์
อตฺตโต จ ปราส จ
ชนา มญฺญญัติ พาโลติ
เย ธมฺมสฺส อโกวิทา
แต่พวกชนผู้เขลาในธรรม ย่อมสำคัญเห็นว่า เป็นคนอ่อนแอไป. ท้าวโกสีย์เทวราชตรัสสรรเสริญ
ขันติไว้อย่างนี้ ในฝ่ายบรรพชิต ขันติก็จัดว่าเป็นพระบารมีธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ประการหนึ่ง ในพระบารี ๑๐ ทัศ, เมื่อครั้งได้ตรัสแล้วทรงบำเพ็ญพุทธกิจอยู่ คราวหนึ่ง เสด็จ
นครโกสัมพี พระนางมาคันทิยา พระราชเทวีของเพระเจ้าอุเทน ผู้ผูกเวรในพระองค์มาในกาล
ก่อน เหตุด้วยบิดาจะยกนางให้เป็นบาทบริจาริกาของพระองค์แต่ไม่ทรงรับ
มิหนำซ้ำกลับตรัส
เทศนาพรรณนาโทษของร่างกายว่าปฏิกูลไม่น่ารัก นางเป็นหญิงเมาในรูปสมบัติ แลไม่เคยอบรม
ในทางธรรมที่สำคัญไปว่าพระองค์ตรัสติเตียนเฉพาะตน นางแต่งคนให้กล่าวหยาบช้าแด่พระองค์
เพื่อจะขับต้อนให้ไปเสียจากนครโกสัมพี่พระองค์ทรงตั้งอยู่ในพระขันติ มิได้แสดงวิการ เสด็จอยู่
ตลอดเวลาสมควรแก่พุทธกิจทรงภาษิตกรณียะของพระองค์ว่า