มัตตัญญุตาและโภคทรัพย์ในพระพุทธศาสนา มงคลวิเสสกถา หน้า 273
หน้าที่ 273 / 390

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้พูดถึงหลักการมัตตัญญุตา หรือตารางรู้จักประมาณ ซึ่งเป็นคุณธรรมที่สำคัญในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องของโภคทรัพย์ การรู้จักประมาณใน การแสวงหา การถือครอง และการใช้จ่ายจะทำให้บุคคลสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องพึ่งพาวิธีการที่ผิดกฎหมายหรือไม่เป็นธรรม และเน้นความสำคัญของการบริหารโภคทรัพย์ในทางที่ถูกต้อง เอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวเองและสังคมเพื่อความเจริญรุ่งเรือง ทั้งนี้ การพัฒนาความรู้อันนี้จะต้องมีการฝึกฝนและให้ความสำคัญอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขและมีคุณภาพคือ การอาศัยโภคทรัพย์ให้เป็นประโยชน์อย่างสูงสุด

หัวข้อประเด็น

- ความรู้จักประมาณ
- โภคทรัพย์
- มาตรฐานในการแสวงหา
- หลักการของพระพุทธเจ้า
- ความสำคัญของการดำรงชีวิตอย่างมีคุณธรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) พ.ศ. ๒๔๖๗ ในศกนี้ (พ.ศ. ๒๔๖๗) จะเลือกธรรมารบพระราชทานถวายวิสัชนา มัตตัญญุตา ๑ พาหุสัจจะ รัฏฐาภิปาลโนยาย ๑ พอเป็นนิทัสสนนัย ๑ ๒๗๘ ๓ ประการคือ มัตตัญญุตานั้น ได้แก่ความเป็นผู้รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดี มัตตัญญุตานี้มีทางที่ เป็นไปจะพึงพรรณนาได้หลายประการ เป็นต้นว่าความรู้จักประมาณใน โภคทรัพย์ ใน กิจการ ในบริหารอัตภาพ ในบุคคล และในธรรม เมื่อรวมกล่าว ความประกอบทุกอย่างอัน ความรู้จักประมาณเข้ากำกับอยู่ด้วยจึงจะสำเร็จด้วยดี แต่ในที่นี้จะรับพระราชทานวิสัชนา เฉพาะประการต้นพอเป็นตัวอย่าง ความรู้จักประมาณ ในโภคทรัพย์ต่างโดยกิจโดยเป็น ๓ สถาน คือการแสวงหา การรักษา การบริโภคใช้สอย อันโภคทรัพย์นี้ ที่บุคคลต้องประสงค์ก็เพื่อ จะได้เป็นอุปการะแก่สุข ผู้มั่งมีย่อมได้ ความเอิบอิ่มใจว่าทรัพย์ของตนมีอยู่ในเบื้องต้น เมื่อได้ ใช้จ่ายทรัพย์เลี้ยงต้น และบำรุงคนที่ควรเลี้ยงย่อม ได้ความสำราญกายสบายใจ เมื่อแลเห็น ตนเป็นไท ไม่ติดขัดหากจะเป็นหนี้สินท่านผู้อื่น ย่อมมีใจปลอดโปร่ง จะดำริอะไรก็โล่งไม่สะดุด เมื่อได้ อาศัยโภคะเป็นกำลังอุดหนุนให้เป็นอยู่โดยชอบ ไม่ต้องประกอบการอันเป็นส่วนทุจริต ย่อมได้เสวยผลแห่งชีวิตล้วนแต่เป็นที่เจริญใจ แต่ทรัพย์ที่หาได้ในทางผิด หาได้สำเร็จกิจเหล่านี้ไม่ เพราะฉะนั้น การแสวงหาจึงควรให้เป็น ไปในทางชอบ ความแสวงหาทรัพย์ในทางลบล้าง กรรมสิทธิ์ ในโภคทรัพย์ของผู้อื่น ที่ทำการลักก็ดี ด้วยล่อลวงก็ดี ด้วยชิงก็ดี ด้วยใช้อำนาจก็ดี ด้วยอาการอื่น ๆ อีกก็ดี เช่นนี้ ชื่อว่า แสวงหาไม่สมควร, บัณฑิตมีพระพุทธเจ้าเป็นอาทิ ติเตียน ว่า เป็นการงานเป็นไปกับด้วยโทษ ไม่ยังประโยชน์ให้เกิดแก่บุคคลผู้ประกอบ ความแสวงหาโดย ชอบ เว้นจากอาการเช่นนั้น เป็นไปด้วยความหมั่นออกกำลังกายกำลังความคิดหรือกำลังทรัพย์ ของตน นับถือกรรมสิทธิ์ของประชาชนในโภคทรัพย์ของเขา เช่นนี้ ท่านจัดเข้าในสุปริเยสนา แสวงหารอบคอบดี อีกอย่างหนึ่ง เรียกอุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมแห่งความหมั่น นักปราชญ์มี พระพุทธเจ้า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More