ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ ญาณวรเถร)
พ. ศ. ๒๔๗๗
๓๔๗
ในปีนี้ (พ.ศ. ๒๔๗๗) จะเลือกธรรมมารับพระราชทานถวายวิสัชนา ๓ ประการ คือ
ธัมมกามตา ความเป็นผู้ใคร่ธรรม ๑ อัตถกามตา ความเป็นผู้ใคร่ประโยชน์ ๑
รัฏฐาภิบาลโนบาย วิธีปกครองแผ่นดิน ๑.
พบความ
ธัมมกามตา ความเป็นผู้ใคร่ธรรมนั้น ได้แก่ความเรารพในธรรม ความเป็นผู้หนักใน
ธรรม, ธรรมะในที่นี้ ประสงค์เฉพาะธรรมข้างดี แจกออกเป็น ๒ คือ คุณ ๑ กรณียะ ๑ ธรรม
คือคุณนั้น เช่นสัทธรรม ๗ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ วิริยะ สติ ปัญญา ธรรมคือ
การณียะนั้น เป็นไปตามบุคคล การบำเพ็ญจักรวรรดิวัตรเป็นราชธรรม การบำเพ็ญไตรสิกขาเป็น
สมณธรรม ความใคร่ธรรม คือคุณ เป็นอุปการอุดหนุนความใคร่ธรรมคือ กรณียะ, ชนผู้ไม่ยึด
คุณธรรมเป็นหลักจะประกอบกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมมุ่งแต่ความสะดวกเป็นที่ตั้ง
ขัดข้องเข้าย่อมเลี่ยงหลีกจากธรรมเสียโดยง่ายดาย มีอารมณ์น่าปรารถนาเข้ามายั่วยวน หรือมีภัย
เข้าคุกคาม ย่อมเป็นเช่นกัน หาประพฤติมั่นแลซื่อตรงในกรณียะของตนไม่หากจะยังคงอยู่ในธรรม
ก็เป็นมุ่งโลกเป็นใหญ่ มุ่งการได้ความสะดวกของตนเป็นใหญ่บ้าง เป็นเพียงโลกาธิปไตย มุ่งโลก
เป็นใหญ่ กลัวเขานินทาหรือปรารถนาจะให้เขาสรรเสริญบ้าง, ฝ่ายชนผู้มั่นในคุณธรรม ย่อมมั่น
ในกรณียะ แม้พบอุปสรรคเข้าก็ย่อมไม่ละคุณธรรม ย่อมใช้สติปัญญา ความเพียรความอดทน ชำ
แรกอุปสรรคนั้นไม่ให้เสียความซื่อตรง ไม่ฝืนหิริโอตตัปปะ ประกอบกรณียะ เป็นธัมมาธิปไตยมี
ธรรมเป็นใหญ่ แม้ทรัพย์สมบัติร่างกายแลชีวิต ก็อาจยอมพร่าได้ เพราะเห็นแก่ธรรม, ชนผู้ยอม
เสียสละชีวิตเพราะเหตุแห่งศาสนาแลบ้างเมือง ย่อมเป็นบุคคลเห็นปานนี้ ความใคร่ธรรมเป็นเหตุ
แห่งความมั่นในธรรมอย่างนี้ สมด้วยอนุศาสน์ที่พระโบราณาจาย์ผูกเป็นคาถาว่า ธนญจเซ อง
ควรสฺส เหตุ คนควรยอมสละทรัพย์ เพราะเหตุจะรักษาอวัยวะแห่งร่างกายอันประเสริฐกว่า
องฺคญจเช ชีวิต รกฺขมาโน จะรักษาชีวิตไว้ ควรยอมสละองคาพยพนั้น
เสีย