ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
ธมฺมฏฺฐ์ สีลสมฺปนฺน
เนกข์ ชมโพนทสุเสว
สัจจวาที หิรีมน
โก ต์ นินทิตมรห
២៨៤
ใครเล่าควรจะนินทาบุคคลนั้น ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ถึงพร้อมด้วยศีล มีปกติกล่าววาจาสัตย์มีหิริอยู่
ในใจ บริสุทธิ์ ดุจแท่งทองชมพูนุท
เทวาปี น ปสนฺติ
พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต ។
อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้เทวดาแลพรหมก็ย่อมเชยชมสรรเสริญบุคคลนั้น ดังนี้ พระคุณคือพาหุ
สัจจะอันมีในสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้านี้ นับเป็นมงคลวิเศษที่คำรบ ๒
อาศัยพระมัตตัญญุตาและพาหุสัจจะทั้งสองประการ เป็นพระราชคุณาลังการพิจิตรอำนวย
ให้สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ทรงบำเพ็ญรัฏฐาภิบาลโนบายข้อที่ ๓ ทรงเพิ่มพูนพระปร
หิตปฏิบัติเพื่อเจริญสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่สยามรัฐมณฑลประชนชน รัฏฐาภิบาลโนบายวิธี
ปกครองแผ่นดินนั้นในที่นี้จักยกบางประการขึ้นถวายวิสัชนาพอเป็นอุทาหรณ์
อันชนนิกรผู้มีธุระร่วมกันแลอยู่ใกล้ชิด ย่อมจะเสียมิตรธรรม วิวาทกันเพราะการงาน
บ้าง ทรัพย์สมบัติบ้าง เป็นหน้าที่ของท่านผู้ปกครองจะต้องไต่ส่วนแล้ว และผิด ชี้ถูกระงับวิวาท
นั้นเสีย แลในหมู่คณะนั้น ๆ ย่อมจะมีคนขาดแคลนทำโจรกรรมเอาทรัพย์ที่เขาหวงแหนบ้าง แล
เป็นคนพาลทำร้ายผู้อื่นเอาบ้างเป็นต้น เป็นหน้าที่ของอิสรชนจะพิจารณาแล้วลงโทษแก่ผู้ทำผิด
เพื่อรักษาประโยชน์กิจแลความเกษมของปวงประชาถ้าการพิจารณาชี้ขาดแลลงโทษไม่เป็นไปโดย
ยุติ คือความควร ย่อมเป็นเหตุเดือดร้อนปั่นป่วนของประชาชน เหตุนั้นความเป็นยุติธรรมแก่
โบราณกษัตริย์ทั้งหลายถือเอาเป็นพระราช
คนทั่วไปจึงเป็นประการหนึ่งแห่งรัฏฐาภิบาลโนบาย
ธุระ ทรงสอดส่องด้วยพระองค์เองบ้าง ทรงตั้งอมาตย์ที่วางพระราชหฤทัยไว้เป็นผู้พิพากษาบ้าง
ทรงตั้งพระราชประเพณีสืบมา ในทางพระศาสนา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้ตรัสหลัก
แห่งยุติธรรม ไว้เป็นคติข้อหนึ่งตรัสไว้ในประชุมชาดกว่า
นาทิฏฐา ปรโต โทส์
อิสสโร ปณเย ทณฑ์
อณ์ถลาน สพฺพโส
สาม อปปฏิเวกขิย