ข้อความต้นฉบับในหน้า
២៨៨
ไม่มี
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
ด้วยในสุขทุกข์และเป็นกำลังในกิจการ ชนผู้ไร้ญาติ ก็ปานพฤกษชาติอันหาสาขามิได้
กำลังพอจะทนพายุพัด มีทางจะถึงวิบัติโดยง่ายดาย แม้แต่พระเจ้าจักรพรรดิราชยังต้องมีพระ
ประยูรญาติเป็น เหล่าอนุยนต์คอยตามเสด็จในราชกิจด้วยหมู่หนึ่ง จะต้องกล่าวอะไรถึงชน
สามัญ บุคคลใดละเมิดวงศ์ญาติ ของชนเสียไม่แลเหลียว บุคคลนั้นได้ชื่อว่าตัดทอน กำลังของ
ตนเอง ข้อนี้เป็นทางมาแห่งความเสื่อม สมด้วยพุทธภาษิตในปราภวสูตรว่า
ชาติตถทโธ ธนตฺถทฺโธ
โคตฺตตฺถทโธ จ โย นโร
นรชนใดหยิ่งเหตุชาติ หยิ่งเหตุทรัพย์ และหยิ่งเหตุโคตร ย่อมดูหมิ่นญาติของตน ข้อนั้น เป็นมุข
แห่งความเสื่อมฉะนี้ เหตุดังนั้น สมานัตตตา ความเป็นผู้มีตนสม่ำเสมอ ในญาติธรรมจึงควรให้
เป็นไปในบุคคลผู้เป็นญาติตามสมควร
อีกประการหนึ่ง ชนผู้เป็นมิตรกันก็ประพฤติตนตามฉันที่เป็นมิตรมีจิตคงที่ไม่แปรผันใน
เวลาที่ฝ่ายหนึ่งได้ดีผิดกว่ากัน หรืออีกฝ่ายหนึ่งเสื่อมทรามลงไป ดังนี้ชื่อว่าประพฤติตนสม่ำเสมอ
ในมิตรธรรม, อันมิตรนี้ ถึงจะไม่ใช่ญาติ แต่คบกันสนิทแล้ว ก็เหมือนที่สนิทดังพระพุทธภาษิตว่า
วิสสาสา ปรมา ญาติ คนผู้คุ้นเคยกันเป็นญาติอย่างเยี่ยม เมื่อกิจเกิดขึ้นก็ย่อมจะเป็นกำลังช่วย
ให้สำเร็จไปได้ แลเป็นผู้ช่วยรู้สึกด้วยสมบัติวิบัติ ก็แต่มิตรนี้มีประเภทต่าง ๆ เมื่อยื่นกล่าวก็เป็น
๒ คือ บาปมิตร สหายที่เป็นคนไม่ดี กล่าวโดยอริยโวหารว่า มิตตปฏิรูป คนเทียมมิตรก็ดี
สหายที่เป็นคนดี ที่จัดว่าเป็นมิตรแท้ก็มี แลกิริยาที่คบมิตรเล่าก็ผิดกับกิริยาที่นับถือญาติ บุคคล
นับถือกันว่าเป็นญาติ ก็นับว่าเป็นผู้เพื่อกันทางฝ่ายมารดาหรือฝ่ายบิดา แต่จะคบกันเป็นมิตรนั้น
ก็เพราะเป็นผู้ถูกอัธยาศัยร่วมกันในกิจการนั้น ๆ การคบมิตรจึงเป็นสำคัญในปัจจัยภายนอกที่จะ
จูงให้บุคคลถึงความเสื่อมหรือความเจริญ เหตุดังนั้น พุทธาภิบัณฑิตจึงห้ามคบบาปมิตรเสีย
แนะนำให้คบแต่กัลยาณมิตร แลกัลยาณมิตรนั้น ท่านพรรณนาว่า เป็นปัจจัยแห่งความเจริญด้วย
โภคสมบัติ แลความเจริญด้วยคุณสมบัติ ทั้งที่เป็นส่วนโลกิยะและโลกุตตระ เมื่อผู้ใดได้
กัลยาณมิตรแล้ว ก็พึงผูกใจไว้ด้วยสังคหะวิธีตามสมควร ข้อนี้จึงสันนิษฐานตามพระบรมพุทโธ
วาท ตรัสสอนสิงคาลมาณพคฤหบดีบุตรในสิงคาลสูตรว่า ปญฺจ โข คหปติปุตต ฐาเนหิ
กุลปุตเตน อุตตรา ทิสา มิตตามจุจา ปัจจุปฏฐาตพพา ดูก่อนคฤหบดีบุตร มิตรอมาตย์ทิศ
เบื้องซ้าย อันกุลบุตรจึงบำรุงด้วย ๕ สถาน คือ ทาเนน ด้วยการให้ปันทรัพย์พัสดุตามสมควร
๑ เปยยวชเชน ด้วยเจรจาวาจาที่ไพเราะควรดื่มไว้ในใจ
๑