ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๔ - มังคลิจักษ์ที่เป็นเปล เล่ม ๒ - หน้า ๕๐
ไม่แสดงเสียดีกว่าหนั้น เมื่อเวลากว่าที่อาบูอินทภูมิท่านแล้ว
ตามปัจจัยนั้น หาทำอันตรายไม่."
[๑๔๘] นอกจากนี้ในภูมิอธิษฐ์สิกขาบทนั้นว่า "สภาพใดอิ่มเอ
ถึง คืออิ่มมา ในระหว่าง คือในกลางสันดานของสัตว์ ด้วย
สามารถขจัดขวางต่อสมบัติั้น ๆ เหตุั้น สภาพนั้น ชื่ออันตราย
คืออันตะ (ความฉิบหาย) อันเป็นไปในทุจจริต (ปัจจุบัน)
เป็นตน. ธรรมซึ่งมีปกติทำอันตรายนั้น ชื่อว่านัตตรายธรรรม.
เจตนาธรรมที่ให้ผลในภาพเป็นลำดับเป็นสภาพ ชื่ออันตรายธรรรม.
เจตนาธรรมที่ให้ผลในภาพเป็นลำดับเป็นสภาพ ชื่ออันตรายธรรรม. อันตรายธรรรมคือธรรม ชื่อว่ามันตรายธรรรม. คำที่
พระอรรถกถาจักกล่าวว่า 'อธินิยกสกุณตรม) หาทำอันตรายต่อ
สวรรค์ไม่' เพราะไม่มีลักษณะแห่งมิจจาระ ด้วยความว่าที่
อธินิยเป็นผู้อธรร ม รักา ไม่มี้ ก็ฉนั้น ท่านกล่าวไว้
ด้วยสามารถอธินิยที่ดำรงอยู่โดยปกติ แต่ก็ญาณอันสุทธธรร ม ที่
บุคคลประพฤติ (ให้เป็นไป) ในภิกษุนี้เป็นอธิษธรรม
ให้เป็นไปในอุบายโดยแท้ ก็ในข้อนี้ มันนามภาพเป็นอุกฤษณ์.
อีกอย่างหนึ่ง พระอรรถกถาจารย์ไม่ได้กล่าวความที่ภิญญุสกุณตรม คือว่าความที่ภิญญุเป็นผู้อธิษธรรม เป็นอธัมรรมทำอันตรายต่อสวรรค์ ก็ด้วยสามารถที่ชนทั้ง ๒ มี่
ฉันทะร่วมกัน. แต่ท่านกล่าวความที่ภิญญุสกุณตรมเป็นอธัมรรมทำอันตรายต่อพระนิพพาน ก็เพราะประทุษร้ายข้อปฏิบัติ อาจารย์ข้าง
พูดกล่าวว่า 'ก็เมื่อความที่ภิญญุสกุณตรมเป็นอธิษธรรมทำอันตราย