ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๑ - มงคลคติที่เป็นเปล เฉลิม ๒ - หน้าที่ 141
เป็นอามญของโทษเครื่องที่สิ้นมีปานิดานเป็นต้น วัดตุณนั้นเอง
ย่อมเป็นอามญ ของเจตนาเครื่องวันจากโทษเครื่องที่สิ้นนั้น ๆ
จริงอยู่ เดนนาเครื่องวันจากวัดอุณหภูมิที่กว้างล่างนั้นแล ชื่อว่า วาริตแต
อีกอย่างหนึ่ง บทว่า สุตตามมุญนี้ พระอรรถถาฬย กล่าวมุ่งถึงความที่ทินนานทาน มีสังขาร กล่าวอิศสัตว์เป็นอามญเหมือนกัน
เหตุนี้ จึงไม่มีความผิดอะไร จริงอย่างนั้น ท่านกล่าวไว้ในอรรถถาเช่น สัมโพหิในนินทาว่า 'สิกขาบทเหล่านั้น ผู้มีพระภาคตรัสไวในวันกัลแห่งสันบานนี้ว่า มีสัตว์เป็นอามญ สิกขาบทเหล่านั้น ย่อมทำสังขารทั้งหลายที่นั่นว่าตัวนั้นแล ให้เป็นอามญ.' แม้ในสิกขาบทอื่นจากนิทานบทนี้ ก็นี้ ฯ
คำราชพวกหนึ่ง กล่าวว่า 'มิจฉาจาร ชื่อว่ามีสัตว์เป็นอามญ เพราะวิลาภวัตถุ (สิ่งที่เป็นข้าศึก) อนุกรมพึงกล่าวว่า สตฺรฺ บุรุษ.' สมัผปลาปลา มสัตว์เป็นอามญบ้าง มีสังขารเป็นอามญบ้าง ด้วยสามารถรูป เสียง กลิ่น รส โภคุปะทะ และธรรมารมณ์ ในเพราะการพูดพอเจ๋อ โดยนัยว่า `ข้าพเจ้าเห็นคนผู้นึงได้เดน ๒ เสียงเป็นต้น ตฺถา คำพูดในกวว่า ตถ อภิวาท นี้ ย่อมประกอบความซ้อนความมั่นว่าด้วยสามารถรูป เสียง กลิ่น รส โภคุปะพระและธรรมารมณ์ แต่หาใช้ประกอบความซ้อนความเทอิฉชามีสัตว์ และสังขารเป็นอามญัต่านั้นไม่ เพราะพึงเล็งได้ด้วยสามารถกิจมีการเห็นเป็นต้น พระอรรถถาฬยกล่าวความที่อิฉนามีการเห็นเป็นต้น พระอรรถถาน่าจักกล่าวความที่อิฉนามีจิตธาติอุปจาร
๑. สัม. วิ. ๕๐๐