ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๔ - มังคลัตถิสัปปุรส เล่ม ๒ หน้า ๑๔๐
ก็เชื่อว่ามีสัตว์เป็นอามรณ์ ในกาลเมื่อสัตว์อันกินนานายบุคคลพึง ลักไป ก็แต่ว่า ในสังคมหและบัญญัติทั้ง ๒ นั้น อนินทายบุคคล ทั้งหลาย ย่อมปรากฏสัตว์ทั้งหลายด้วยสามารถสังฆาร หาประรรถ ด้วยสามารถอัญญัติไม่."
[๒๔๕] อรรถกถาอัฏฐาสาลีอรรถกถาสมมาทิกสูตรและสังคีสูตร ว่า "ปาณาติบาต ชื่อว่ามีสัตว์เป็นอามรณ์ เพราะมีวิถีวิตนรีย์ เป็นอามรณ์ อนินทาน มีสัตว์เป็นอามรณ์บ้าง มีสัตว์เป็น อามรณ์บ้าง, มิจฉาจาร มีสัตว์เป็นอามรณ์บ้าง มีสัตว์เป็นอามรณ์บ้าง, ด้วยสามารถความ เป็นภาพอันบุคคลพึงดูถูกต้อง, อาจารย์พวกหนึ่ง กล่าวว่า "มีสัตว์ เป็นอามรณ์" บ้าง, มุสาวาท มีสัตว์เป็นอามรณ์บ้าง มีสัตว์มา เป็นอามรณ์บ้าง, ปิตุสาวาา ก็อย่างนั้น, ครูสาวาา มีสัตว์เป็น อามรณ์อย่างเดียว, ล้มลับปลาป มีสัตว์เป็นอามรณ์บ้าง มีสัตว์จร เป็นอามรณ์บ้าง ด้วยสามารถญั์" เสียง กลิ่น รส โภคุูพพะ และ ธรรมามณ์, อภิจกาอย่างนั้น, พยายาม มีสัตว์เป็นอามรณ์อย่าง เดียว, มิจฉาทิฏฐิ มีสัตว์เป็นอามรณ์ด้วยสามารถบญญัติบ้าง."
๒๔๕ ลึกกสัมมาทิฏฐิสูตรและสังคีสูตรว่า "กล่าว อันนาทาน มีสัตว์เป็นอามรณ์นี้ ผิดกาบาลของผู้ถามปัญหาว่า สัตบบท ทั้ง ๕ มีมากวาจธรรมเป็นอามรณ์โดยแท้. ด้วยว่า วัตถุใด