ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๔ - มังคลิตทีป็นเปล ก เล่ม ๒ - หน้าที่ 290
ฉัตรภูมิ เป็นต้น เป็นชื่อแห่งทั่วโลกบานทั้ง ๓ ที่เหลือ
สองบาว ๓ เจ ฌ ปุจฉา ความว่า ท้าวมหาราชและบูรพชนผู้ลำลาบไปแล้ว และวัตถุมงคลเหล่านั้น คงเป็นผู้น่านับถือแล้ว ด้วยอธิฐานอธิศ
กล่าว อนุปลาลา ความว่า และเขาผู้ทายอาณ์ ย่อมเป็นผู้ไม่ไรผล คือเป็นผู้มีส่วนแห่งผลทานของตนเองแล ด้วยกิจก.
มาตรา การอุดิแก่ชนเหล่านั้น
สองคาถา ว่า จิ ษุญาณ ว่า โโลโก ว่า เป็นต้น พึงทราบโดยนัยแห่งคำที่กล่าวแล้วในติรฏฏสูตร
[๒๕๔] ส่วนในวรรณาถาวปฏิรูปชีวิตลิกนปวดตุ ท่านกล่าวว่า
"ก็ท่านนั้น ย่อมสำเร็จโดยฐานะ คือย่อมผลิผลในขณะนั้นนั่นเอง
อธิษฐานว่า ไม่ใชในกาลอื่นิ่ง จริงอยู่ ข้อที่เม่าขาวถวายทานอุทิพพวก
เปรต ถ้าพวกเปรตอูนโมนหวา พวกเปรตก็ได้รับโอก (สมบัติ) ด้วย
ผลของาทานนั้นในทับใจนั่นเอง เป็นธรรมดาในความสำเร็จแห่งทานที่
เขาหวังไว้ นั้น
พระศาสดา ครั้นทรงแสดงธรรมอย่างนั้นแล้ว ทรงทำมหาชน
ให้มีจิตยินดีในทานอุทิพพวกเปรตแล้ว ทรงลูกจากอาสนะ เสด็จ
หลีกไป
ในวันรุ่งขึ้น คิยมานีบูและพวกกาฬินอกนั้น ก็ประพฤติ
ตามเศรฐี พวกเขาบำเพ็ญทานให้เป็นไปอย่างนั้นประมาณเดือน ๑
พระศาสดา อันพระเจ้าสนิททูลถามว่า "พระเจ้าข้า เหตุไรภิกษุ