ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยคที่ ๔ - มังคลัตถทีปน - หน้า 138
[๒๔๐] ภิกษอาณีบาต องคุฉตินกาย้นว่า "พระอรรถกถาจารย์ กล่าวว่า "มิกฉาทัฬ๙ ๓ อย่างนี้ ทั้งห้ามสรรค์ ดังนั้น เพราะมิกฉาทัฬ๙ ๓ อย่างนั้น ชื่อว่ามีโทษมาก เหตุยังความเป็นทัณฑ์บัด. เมื่อมิกฉาทัฬ๙ ๓ อย่างนั้นห้ามสรรค์ ก็ไม่มีค่าใดจะพูดถึงในความที่มิกฉาทัฬ๙ จึงไม่ขัดวางต่อมรรค เหตุุนั้น พระอรรถกถาจารย์ จึงกล่าวว่า "ทั้งห้ามมรรค" ดังนี้. อธิบายว่า มิกฉาทัฬ๙ อันคือเอา ที่สุด ซึ่งมีวัตถุ ๑๐ มีเห็นว่าว่าโลกเที่ยงเป็นต้น ข่าวว่าห้ามมรรคอย่างเดียว เพราะเป็นความเป็นวิปริ ฯ (แต่) ไม่อ้า่ห้ามสรรค์เพราะ ไม่ถึงความเป็นทัณฑ์บัด.
พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า อิทธิปุน วราน ดังนี้ :- พระอาจารย์ ด้านวิธีตามที่พระอรรถกถาจารย์กล่าวไว้ด้วยประสงค์ว่า "ข้อที่ว่า อันธรรมความเห็นวิปริ ฯ ไม่ห้ามสรรค์ ไม่ห้ามมรรคเลย" ดังนี้ นั้น ผิด เพราะผิดธรรม. จริงอยู่ เมื่อเป็นอย่างนั้น การบรรจุมรรค พึงมีได้ด้วยทั้งลักษณฏกฏิที่ละได้ในตนเอง ดังนี้. เมื่อจะค้านวา it ว่า "เมื่อพระอรรถกถาจารย์ทั้งหลาย กล่าวความที่มิกฉาทัฬ๙ ไม่ขัด บ่าวต่อการเข้าถึงสรรค์ว่า "ไม่ห้ามสรรค์" ดังนี้ ยอมเป็นอัน อนุญาตแม้วาความที่พระจูรีนามซึ่งมรรคดังมรรค" ดังนี้ จึงกล่าวว่า "ชื่อว่ากฏฏ๙ ที่ชื่อว่าสามารถนำมิจฉาทัฬ๙ ไปสู่สรรค์" ไม่มี ดังนี้ เพราะเหตุไร ? เพราะมิกฉาทัฬ๙ นี้มีกนหนัก โดยส่วนเดียว ด้วยเหตุนัน พระอรรถกถาจารย์อึ้งกล่าวว่า '(มีแต่) ให้บลงในนรกโดยส่วนเดียวเท่านั้น' เป็นดังนั้น." นำจะเป็นว่า... นำมาจงสรรค์ (สุดกว่าจะทานปี).