ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๙ - มังคลิจฉาที่เป็นเปล เล่ม ๒ - หน้า ที่ 121
เป็นต้น. คำในกาลใด อุตุธรรมมืออภิชามเป็นต้นในการเหล่านั้น
นั่นแล ย่อมมีคำลัง เจตนาหมายกำลังอย่างนั้นไม่ ในกาลนั้น เจตนา
แม้อยู่ในทาวเหล่านั้น ก็ไม่ได้ว่าหาครรม่และวิธีการ
เพราะเจตนานั้นมีได้เป็นประธาน ส่วนอุตุธรรมมืออภิชามเป็นต้น
ถึงเมื่อมีการยังคคีย์อายและองค์คืออาจให้ไหว ท่านก็เรียกว่
มโนกรรมอยู่แน่ ตามลักษณะกำหนดของตนนันเอง เพราะคน
เป็นประธาน.' พระภิฏฐาจารย์ ใส่ใจคำศัพท์ว่า 'พวา' เจตนา
มืออุตุธรรมมืออภิชามเป็นต้นในทาวเหล่านั้นเป็นกรรม ไม่ใช่
เจตนา, เจตนานั้น พึงเป็นไปในฝ่าฝายแห่งอุตุธรรมมืออภิชาม
เป็นต้นหรือ ? ดังนี้ จึงกล่าวว่านิวิธิรา 'ดังนี้เป็นต้น
เพราะอธิปายว่า คำว่า เจตนา ก็DIT ชวะธรรมสัมปุฏด้วยเจตนา' คังนี้เท่านั้น ที่แปลกันในความที่เจตนาในมโน-
กรรม ดังนี้ พระภิฏฐาจารย์ จึงกล่าวว่า 'ความที่เจตนาเป็นอัพโพห
หรือลักษณะอย่างไรล่ะ? อธิบายว่า ไม่มี. อนึ่งก็ดี คำเพียงนี้ว่
'เจตนา เป็นเจตนากรรม อุตุธรรมทั้งหลายมืออภิชามเป็นต้น
เป็นกรรมสัมปุฏด้วยเจตนา ดังนี้เท่านั้น ที่แปลกันในความที่เจตนา
เป็นมโนกรรมนี้. องนี้ ในความที่เจตนาเป็นมโนกรรมนี้ พึงเห็น
สันนิษฐานว่า 'พระภิฏฐาจารย์ไม่กล่าวว่าเป็นอัพโพหรึก เพราะ
ไม่มีความสงสัยว่า ความที่เจตนาเป็นอายกรรมและวิธีกรรมทั้งได้