ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๔ - มังคลัตถทีเปนเปล ละ๕ - หน้าที่ 133
ในวัฏฏะจะพึงมีได้อย่างไร จึงกล่าวว่า 'อาเสวนวเสน ปน'
เป็นต้น เพราะฉะนั้น พึงทราบว่าว่าเป็นตอในวัฏฏะ
เหมือนอย่างพระคำสึงพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า 'คนพาลลง
แล้วหนเดียว ก็ชื่อว่ามงลงแล้วโดยแท้ ฯลฯ' นั่นเอง. ใคร ๆ ไม่ควร
กล่าวว่า 'แท้จริง นิยมจินาภูติกูจริงแล้ว อาศัยปัจจัยเช่นใดแล้ว
หยั่งลงสู๋ที่สมนั้น, ในกล่าอะไร เขาอาศัยปัจจัยที่เป็นบัศติคตอปัจจัย
เช่นนั้น ก็ยกศรีษะขึ้นจากทัศนะนั้นไม่ได้อย่างนี้' ดังนี้. ด้วยเหตุนี้นั้น
พระอรหันตาจึงกล่าวว่า' ยยุญฺเยน" ดังนี้."
[โทษของมิจฉาทิฏฐิ]
[๒๓๕] ดังนั้น นิยมจินาภูติย์ พึงทราบว่า มีโทษมาก แม่
กว่าคนอื่นครึ่งร่วง. ด้วยเหตุนี้นั้น พระผู้มีพระภาค จึงตรัสไว้ใน
เอกนิลบาตรองค์ตคตรนกายนว่า "ภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่เห็นธรรม
อื่นแม้อันหนึ่ง ซึ่งมีโทษมากเหมือนอย่างจิตฏิฏฐิฉินลเลย; ภิกษุ
ทั้งหลาย โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง."
อรรถกถาเอกนิลบาตรองค์ตคตรนกายนว่า 'มิจฉาทิฏฐิ เป็น
อย่างยิ่งแห่งโทษเหล่านั้น ' เหตุนี้นั้น โทษเหล่านั้น ชื่อว่า มีอานาทิฏฐิ
เป็นอย่างยิ่ง. อธิบายว่า ก่อนนรติธรรม ๕ ชื่อว่า มีโทษมาก
(แต่) มิจฉาทิฏฐิฐานนั้น มีโทษมากแม้ว่าก่อนนรติธรรมเหล่านั้น.
เพราะเหตุไร ? เพราะอันตริจิตรรมเหล่านั้น มีคำหนด. จริงอยู
อันนิจจิธรรม ๔ พระผู้พระภาคตรัสว่า ยังบุคคลผู้หาใ้งบังเกิด
ในนรก,' แม้กรรมคือการยังส่งให้แตกกัน ก็อวยเป็นกรรมยิ่ง
๑. มโน ปู /๑๒๒