ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรม, นั้นเป็นข้อที่ ๒; พึงกล่าวคำเป็นที่รัก, ไม่พึงกล่าวคำไม่เป็นที่รัก นั้นเป็นข้อที่ ๓; พึงกล่าวคำสัตย์, ไม่พึงกล่าวคำละเหละ, นั้นเป็นข้อที่ ๔."
[๒๕๙] อรรถกถาสุภาษิตสูตรนั้นว่า "บรรดาบทเหล่านนั้น บทว่า องคิ คือ ด้วยเหตุ, อีกอย่างหนึ่ง ด้วยอวัยวะ, ก้อง๔ มีเจตนาเครื่องจงจากมูลฐานเป็นต้น เป็นเหตุแห่งวาจาเป็นต้น, เป็นอวัยวะ (แห่งวาจาเป็น) (แห่งวาจาเป็น) สุภาษิต). ก็ องก ศัพท์ ลงในอรรถว่า เหตุ, บทว่า จุดุที เป็นปัญญวิภาคต์, องก ศัพท์ ลงในอรรถว่าอวัยวะ, บทว่า ขดูที เป็น ตติวิภาคต์."
บทว่า สมุทนาคต แปลว่า มาตามพร้อมแล้ว คือ เป็นไปและประกอบแล้ว. บทว่า สุภาสิต แปลว่า กล่าวด้วยดีแล้ว. พระผู้พระภาค ทรงแสดงความว่ามาว่าเป็นสุภาษิตนั้นนำประโยชน์มาให้ ด้วยบทว่า สุภาสิต นั้น. บทว่า น ทุพภาสิต แปลว่า หากกล่าวช้าไม่. ทรงแสดงความว่าจากทุพาพยอิตนั้นนำความพิณาสมาให้ ด้วยบทว่า น ทุพภาสิต นั้น. บทว่า อนุชา คือ เว้น จากโทษมีราคาเป็นต้น. ทรงแสดงความบริสุทธิ์แห่งเหตุ และความไม่มีโทษในเพราะอุ้งอามีกระถึงคติเป็นต้นแห่งวาจานั้น ด้วยบท