ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๗- มังคลัตถทีปน ๒ - หน้าที่ ๓๒๐
เชิญใจ ผู้ใด้ดูดเพียงผ้าพุงหรือผ้าห่มแล้วเข้าสถึงความเป็นภิษา.
คำว่า โอฬกุปุตกนี เป็นชื่อแห่งสงครี่ที่มุฏฏิตังมือ
ของคู่ว่าตาในงลุงในดาน้ำกาดเดียวกัน แล้วกล่าวว่า "เจ้าทั้ง ๒
จงปรองดองไม่แตกกันดูจันนี้เกิด ดังนั้น คำหนดคือเอก.
เทิด (ของเทิบนบนศรียะ) ของสตรีนั้น อนุรมณลาง คือ ปลงลง
แล้ว เหตุนัน สตรีนัน ชื่อว่า โอฬกอุมพฤกา คือนิราศศาสตร์ทั้งหลาย
มิสัตว์ราหฟินเป็นดุนกันใดคนหนึ่ง คำว่า โอฬกอุมพฤกา นั้นเป็น
ชื่อแห่งสตรีผู้ยุบยบเทิดลงจากศิษะแล้วให้อยู่ในเรือนไม.
บทว่า ทาสิ จ ได้แก่สตรีเป็นทั้งทาสเป็นทั้งภริยาของตนเอง.
สตรีผู้ทำงานในเรือนเพื่อค้าัง ชื่อว่า สตรีทำงานนงบ บุรฉายคน
ไม่มีความต้องการด้อยภริยาของตน สำเร็จการครองเรือนกับสตรีนั้น
สตรีนั้น ท่านเรียกว่า 'สตรีผู้ทำงานด้วย เป็นภิษาโดย' สตรี
ผู้นำมานแล้ว ชื่อว่า ธชากูฏ, มีคำอธิบายว่า 'สตรี อันกองทัพ
ผู้อื่นขึ้นแล้ว ไปโบยบิตเทดนปรบกนแล้วนำมา' บุรฉายคน
ทำสตรีนั้นให้เป็นภริยา, สตรีนี้ ชื่อว่า ธชากูฏ. สตรีนี้บูรพิงอยู่
ร่วมในกาลเพียงครึ่งหนึ่ง ชื่อว่า มุตฏุตกา อธิบายว่า สตรีที่บูรพอยู
ร่วมในบะนะนั้น."
[๒๗๔] กิโลฯสัญจรอิฐกศวาสนานั้นว่า "สองบุว่า ธเนศ
กิติ ได้แก่ สตรีอันบูชี้อ้อมแล้วด้วยทรัพย์ เพื่อความเป็นภิษา
ด้วยเหตุนี้ พระอรรถถากจารย์ จึงกล่าวคำว่า ยสุมา ปน เป็นต้น.