ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๑- มงคลคดีที่มีเปล เล่ม ๒ - หน้า 118
[ มโนกรรมเป็นไปทางใดวาระว]
[๒๒๒] นัยอันมาในอรรถกถาอุฎฐานิว่า “ก็เกรรมตามที่กล่าวมานั้น เป็นมโนกรรม ๑ อย่าง เป็นไปทางวาว ๓. ก็เป็นกลไดบุคคลบริจาคสรรดด้วยอธิษฐาน ง้องค์อาให้ไหว ทำกงกรรมมีจับด้วยมือเป็นต้น, มีจิตสรรดด้วยพยายาม ยังองค์อาให้ไหวทำกงกรรมมีอาราวากและประณเมือ่ต่อเทพ-เจ้าทั้งหลาย ด้วยมนิสิการว่า เทพเจ้าทั้งหลายมีพระขันธุมาราและพระคิ้วเป็นต้นประเสริฐสุด และการพระรมดั่งดูเป็นต้น, ในกาลนั้น กงกรรมเป็นโมนรรม, ส่วนทวารเป็นกายวาวร. และเดดานาในกงกรรมซึ่งเป็นไปใน ทางกายวาวร เป็นอัพโพหริก. องค์ในกาลใด บุคคลมีจิตสรรดด้วยอธิษฐาน ยังองค์อาให้ไหว ย่อมเป็นกงกรรมกำลังเป็นของของ ๆ เรา. มิจฉาสรรดด้วยพยาบาทยังองค์อาอาจจะให้ไหว พูดว่า “ขอสัตว์เหล่านี้จึงอร้อน จงถูกฆ่า หรือออไ้ิ่มแล้ว,’ มีจิตสรรดด้วยมิจฉาทิฏฐิ ยังองค์อาอาจจะวาให้ไหวพูดว่า ‘ท่านที่ทายให้แล้วไม่มีผล’ดังนี้เป็นต้น ในกาลนั้น กรรมเป็นโมนรรม, ส่วนทวารเป็นวิโรดา. และเดดานาในกงกรรมซึ่งเป็นไปทางจิตวาวรนี้ เป็นอัพโพหริก. องค์ในกาลในกงกรรมซึ่งเป็นไปทางวจีวาวรนี้ เป็นอัพโพหริก. องค์ในกาลในกงกรรมซึ่งเป็นไปทางจิวาทวรนี้ เป็นอัพโพหริก. องค์ในกาลใด บุคคลไม่ย่อกิองก็เปิดและองค์อาอาจจะให้ไหว นั่งในที่นั่งแล้ว
๑. อัญ สา. ๑๒๕.