ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๔ - มังคลิดลที่นี่นเปล เล่ม ๒ - หน้าที่ 182
ทุพภิกขภัยนี้ว่าว่า “เราเมื่อกล่าว พึงกล่าวคำทุพภิกขิดในกลบง
ครั้ง” บทว่า กิลเดส ได้แก้ หม่มหมอง คือความจากใจ
บทว่า ตูมความว่า ด้วยหอมนี้ จึงไม่ขับร้อง แค่พระ
องค์. บทว่า น พลาย แปลว่า เพราะความเป็นผู้ปลาหม่าได้.
พระราช ทรงยินดีต่อกินนรีแล้ว กระส่าว่า “จงปล่อยกินนรี”
ไป, จงนำไปป่ามพานต์เกิด, จงบีกินนรในเวลาการอาหารเช้า ใน
เวลาเช้า.”
กินนรได้ฟังพระคำสรั้นแล้ว คิดว่า “พระราชานักทรงดำ
ผูไม่พูดเสนแนอน, ควรเราจะรบกูลในบังนี้” จังราชบอกว่า
"มหาราชเจ้า ธรรมคงฟูงสัตว์เลี้ยงที่มีหมายเป็นภัค มีเมม (ฝน)
เป็นที่พึ่ง, ส่วนเหล่านมนุษย์ชั่วว่า มีสัตว์เลี้ยงเป็นที่พึ่ง เพราะอภัย
ปัญญาโรครเล็งชีวิต. ส่วนข้าพระองค์มิพระองค์เป็นที่พึ่ง, พระองค์
เป็นที่พึ่ง ข้าพระองค์เป็นที่พึ่งนักของภริยานั้น. ก็มวทพระองค์
มีชีวิตอยู่ ย่อมไม่ทอดทิ้งกันและกัน, เพราะฉะนั้น ถ้าพระองค์ทรง
ประสงค์จะส่งภริยาถึงไปป่ามพานต์ใช่ร, ขอพระองค์ทรงนำข้าพระองค์
เสียก่อนแล้วจึงส่งภริยาถึงไปภายหลัง.”
พระราชทรงยินดีแม้ต่อกินนรีแล้ว จึงกินนรทั้ง ๒ นั้นให้นั่ง
๑. มีคำกริกว่ากว่า ขีร ทิ มท ตกุ โนนี้ ต ปญ โบรโส รสโต ๕ คือ ขีร
นมสด ทิ นมมัง มัด (สปิ) เนยใส ตกุเกา เปรี้ยง โนนี้ด (นวัติ) เนยขึ้น.