ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประกอบ - ปฏิสนธิปิจฉาณปติ ฮา ดง - หน้าที่ 39
กิถิพระธรรมจำแนกประเภทปฏิสัมภิทา ๔ นั้น ในพระอภิธรรมนัน
น้ำเอง ผู้ปฏิบัติในปฏิทนนี้ ย่อมบรรลุมิติภัทรกัน คือวิถิ ๑
อภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทา ๒ นี้ตามลำดับ ด้วยประการฉะนี้.
[ผู้ปฏิบัติไม่มีใน ๓ ปฏิฤทธิผลต่างกัน]
กิถิฤษผู้ปฏิบัติไม่มีในพระวินัย ย่อมมีความสำคัญว่าทำโทษ
มิได้ ในพระสะทั้งหลายอันสัมผัสซึ่งรูปเป็นอุปาทิขะเป็นต้น อันพระ
ผู้พระภาคเจ้ตรัสห้ามแล้ว โดยความเป็นอาการเสมอกันด้วยอ่อน
สัมผัสซึ่งสัตย์วัตถุเครื่องลาดและผ้างเป็นต้น ซึ่งสัมผัสเป็นสุข ที่พระ
ผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตแล้ว แม้น้องต้องด้วยคำว่าพระอริธิ
กล่าวว่า " เราขอบรู้ถึงสิ่งธรรมอันพระผู้มิพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว
โดยประกาศว่า เป็นธรรมอันทำอันตรายได้อย่างไร ธรรมหล้านั้น
ไม่สามารถ เพื่อกระทำอันตรายแก่บุคคลผู้ลุ่มหลงได้" ดังนี้. กิถิฐนั้น
ย่อมถึงความเป็นผู้เด็จ เพราะความปฏิบัติไม่ดีนั้น.
ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่มีในพระสูตร ไม่รู้ว่าซึ่งอธิบายในพระบาลีม
กล่าวว่า " คำอภิญญาทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีอยู่ จะได้อยู "
ดังนี้ ย่อมถืออาผิด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายตราสีว่า " บุคคล
มีธรรมอันตื่นผิดแล้ว ย่อมกล่าวคู่ร่างทั้งหลายด้วย ย่อมบุตคนเอง
ด้วย ย่อมได้ประสบบาปมิใช่อภิญญาด้วย" ดังนี้, ภิกษุนั้นย่อมถึง
ความเป็นผู้มภิธิติ เพราะการอธิษฐาน.