ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - ปฐมมินต์ปาตาสิกา เทศา - หน้าที่ 70
[ พระเจ้าโคตรไม่ทรงเลื่อมใสกับนอกศาสนา ]
ได้ยินว่า พระราชาช้างรับภิกษาแล้ว ได้ทรงนับถือ
ลัทธิพุทธแท้ๆ ตลอดเวลาที่ปีที่ดี. ในปี 4 จึงได้ทรง
เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา. ได้ยินว่า พระเจ้าพินทุสารพระชนกของ
พระราชาชายองค์นั้น ได้ทรงนับถือพราหมณ์. ท้าวเธอได้ทรง
ตั้งนิยามไว้ แก่พวกพราหมณ์ และแก่ตำบลวาและปริพาชกเป็นต้น
ผู้ถืออัชชีในลัทธะแดนเป็นของประจำชาติพราหมณ์มีประมาณหกแสน
คน. แต่พระเจ้าโคตร ก็ทรงถวายทานที่พระนาคให้เป็นไปแล้วใน
ภายในบรุษของพระองค์เหมือนอย่างนั้น, ในวันหนึ่ง ได้รับบัพดือที่
สีหนบัญชุร ได้ทอดพระเนตรเห็นพวกพราหมณ์เหล่านั้น ผู้กำลังบริโภค
(อาหาร) ด้วยบารยาที่เห็นว่าไม่อำนาจการอาษาในความสงบเรียบร้อย ไม่มีความ
สำรวมมินทรีย์ ทั้งไม่ใด้รับฝึกอธิษฐาน (ก็รียมอารยะ) จึงทรง
กล่าวว่า " การที่เราใครครูญเสียก่อนแล้วให้ท่านเช่นนี้เป็นเขตที่เหมาะสม
จึงควร," ครั้งทรงดำริอย่างนี้แล้ว จิ้งครรลิเรียกพวกอามาตยว่า
" ไปคิด พนา! พวกท่านจงนำสมณะและพราหมณ์ของตน ๆ สู่สมมติ
กันว่านิด มายังภายในพระราชวัง, เราจักถวยทาน." พวกอามาตยุควรรับ
พระราชโองการว่า " ดีละ พระเจ้าข้า!" แล้วก็ได้นำบวชนอก
ศาสนามิตาปะขวา ปริอาศา อาชีวา และนิครนธเป็นต้นนั้น ๆ มา
แล้วกล่าวว่า " ขอเถอะได้ไล่ลอองสิทธิพระบาท ! ท่านเหล่านี้เป็นพระ
- ปลาสนะ คืองสิทธิทอผิด หรือเจ้าสิทธิทอผิด แปลตามรูปศัพท์ว่า ลักษณ์ว่างบ่ง
คือวงกล้อจิตสัตว์ มีอยู่ ๒ คือ ต้นหาปะะ วงคือ ต้นหาด กักษิปลาสะ วงคือ
กิติ "]