ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค: ปฐมสมันตปสาทิกาแปล ภาค ๑ หน้า 193
[ ธรรมมุติฐิญาณ ]
ปัญญาในการกำหนดปัจจัย โดยองค์ที่ท่านกล่าวไว้ว่าอย่างนี้ว่า " อวิชชานี้ เป็นตัวเหตุ สังขารทั้งหลายเกิดจากเหตุ อวิชชาและสังขารแม้ทางสองนี้ ก็เป็นเหตุอุปมาเป็นธรรม (ธรรมที่เป็นเหตุและเกิดจากเหตุ) " ชื่อธรรมุติฐิญาณ. ปัญญาในการกำหนดปัจจัย โดยนิยามที่ท่านกล่าวอย่างนี้ว่า " อวิชชาทั้งที่เป็นอุปสมาธิ (อดีตที่ผ่านมา) ทั้งที่เป็นอนาคต (อนาคตา) เป็นตัวเหตุ สังขารทั้งหลายเกิดมาจากเหตุ อวิชชาและสังขารทั้งสองนี้ ก็เป็นเหตุอุปมาเป็นธรรม (ธรรมที่เป็นเหตุและเกิดจากเหตุ) " ชื่อธรรมุติฐิญาณ. ทุก ๆ บทผู้ศึกษา พึงให้พิสดาร โดยนิพนธ์นี้
[ สังขปะอธิปฏิญาณในปฏิจจสมุปบาท ]
บรรดองค์แห่งปฏิจจสมุปบาทนี้ อวิชชาและสังขารเป็นสังขปะหนึ่ง. วิญญาณ นามรูป สฬายะ ผัสสะ และเวทนา เป็นสังขปะหนึ่ง. ตันหาอุปาทานและภพ เป็นสังขปะหนึ่ง. ชาติและชรามรณะเป็นสังขปะหนึ่ง. ก็ในสังขปะ ๕ นี้ สังขปะตัน เป็นออิตตภา. สองสังขปะกลาง เป็นปัจจุปันธา ชาติและชรามรณะเป็นอนาคตภา.
[ วิภัชและสนิท ๑ ในปฏิจจสมุปบาท ]
อันนี้ ในสังขปะตันนั้น ตันหาอุปาทานและภพ ย่อมเป็นอันท่านถือเอาแล้ว ด้วยคำพักคือนิคอวิชชาและสังขารนั่นแล เพราะฉะนั้น ธรรม ๕ เหล่านี้ จัดเป็นกรรมวัฏในอดีต. ธรรม ๕ อย่าง มีวิญญาณ เป็นต้น จัดเป็นวิปากวัฏ ในปัจจุบัน. อวิชชาและสังขปะ เป็นอันท่านถือเอาแล้ว