ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค (ตอน) - ปฐมสัมปทานเทคนิคภาค ๑ - หน้าที่ 297
หวั่นไหว เพราะโกลาหล (ความเกี่ยวข้อง) อันสติประคอง
ไว้แล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว เพราะความประมาณ (ความเลื่อนล่อลง),
อันสมาธิสประคองไว้แล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว เพราะอุทธัจจะ (ความ
ฟุ้งซ่าน), อันปัญญาประคองไว้แล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว เพราะอวิชชา
(ความไม่รู้), ที่องค์ความสว่าง ย่อมไม่หวั่นไหว เพราะความมืด
คืออิสิส, จิตอันธรรม ๖ อย่างเหล่านี้ประคองไว้แล้ว เป็นจิตดี่ง
ความไม่หวั่นไหว จิตที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ ดังพรรณนานา
แล้วนี้ ย่อมเป็นของควรแก่ภิารณ เพื่อการทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
ซึ่งธรรมทั้งหลายที่ควรทำให้แจ้งด้วยอภิญญา
แม้อื่นกันหนึ่ง. เมื่อจิตตั้งมั่นแล้วด้วยสมาธิในจตุฏฐาน ชื่อ
ว่ามีจิตบริสุทธิ์ เพราะเป็นจิตใกล้จากนิวนรณ์ ชื่อว่าผุดผ่อง
เพราะก้าวล่วงด้านมืดกลืดเป็นตัน ชื่อว่าไม่มีอิสิสเพียงดังนิยาม
เพราะไม่มีความประพฤติดี ด้วยความปรารถนาอันลามก ซึ่งเป็น
ข้าศึกต่อการกลิ่บได้มากนาน, อธิบายว่า "ชื่อว่าไม่มีอิสิสเพียงดังนิยาม
เพราะไม่มีความประพฤติดี ด้วยความปรารถนา คือเพราะไม่มี
ปัจจัยแห่งความระมีประการต่าง ๆ อันยังลงแล้ว คือเป็นไปแล้ว
ด้วยอำนาจความปรารถนา." ชื่อว่า มีอุปกิลสิสราไปแล้ว เพราะ
ความปรารถนาแห่งความเศร้าหมองของจิต มีอิทธิฤตเป็นต้น. ก็แม้
๑. วัตถิมรรค ๒/๒๕ เป็น โอกาสดี อภิคุณ อิทธิ อวิชชานุกรม น อิษฎิ แปลว่า
ซึ่งที่ดีความงาม ย่อมไม่หวั่นไหว เพราะความมืดคืออิสิส ๒. วัตถิมรรค ๒/๒๓
เป็น มานปฏิญาณปัจจานน เห็นว่าถูก จึงเปลตามนั่น.