ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค(สรุป) - ปฐมสัมผัสตำสิกานแปล ภาค ๑ - หน้า 146
แย่งกัน ย่อมถึงความวิบัติฉิบหาย. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า กัสสป ทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธวิถี ได้ทอดพระเนตรเห็นสัตว์ เหล่านั้นผู้ถึงความวิบัติฉิบหาย. ครั้งทอดพระเนตรเห็นแล้ว มีศรณู ลองมีนุ่งในแวดล้อมเสด็จมารับการว่าว แล้วแสดงธรรมโปรด. ธรรมภิสมัย ได้มีแก้สัตว์ ๕๔,๐๐๐. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระเดช นามว่า สัพพนที ซึ่งมีภิกษุผู้เป็นบริวารอยู่ที่เกาะ ได้ ประทานอุภาสิก (ผ้าสงน้ำ) ไว้แล้ว เสด็จหลีกไป ชาวเกาะได้ สร้างพระเจดีย์ บรรจุอุภาสิกกันไว้ภายใน นบีโภคเจดีย์ของพระสังฆสัมพุทธเจ้า ๑๓ พระองค์ ได้ประดิษฐานอยู่ใน ดูปาราม ด้วยประการอย่างนี้. เจติยเหล่านั้น ยอมสาบสูญไป เพราะ ความอับอันตรธานไปแห่งพระศาสนา, เหลืออยู่แต่เพียงฐานเท่านั้น เพราะเหตุนี้ บาทเจ้าจึงกล่าวคำว่า "ก็สมัยนั้นบูรามามีทึ้ง แห่งบริโภคเจดีย์ ของพระสัมพุทธเจ้าก่อน ๑๓ พระองค์.." ที่นี่นั้น เมื่อพระเจดีย์บูรามสูญไปแล้ว ถูกอ้องล้อมอยู่ด้วยพุ่ม ไม้ต่าง ๆ ที่มีเรียกถึงสะพรั่งไปด้วยหนาม ด้วยอานุภาพของเทวา โดยตั้งใจว่า "ใคร ๆ อย่าไปรุยสิ่งที่นี่นั่น ด้วยของเป็นคนของ ไม่สะอาด มลทินและหยามเหยีื่อ." [ ช้างไม่ยอมให้กพระธาตุลงจากระพอง ] ครั้งนั้น พวกราชบุตรล่วงหน้าไปก่อนช้างนั้น ถางพุ่มไม้ทั้งหมด ปราบพื้นที่ทำนันให้ราบเหมือนฝ่ามือ. พวกช้างคลื่นโฉบเหยียบขึ้นนั้น ได้ขึ้นอยู่กับฐานตัสโพธ์ทางคิ้วจามแห่งที่นั้น. ครั้งนั้น พวกราชบุตร