ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค-ปฐมมัณฑปในศาสนาพุทธ ภาค ๑ - หน้าที่ 82
ไม่ไกล ครั้นทอดพระเนตรเห็นแล้ว ท้าวเธอก็ทรงพระjingดังนี้ว่า
" เราประสงค์จะถวายบาลพระอุปถัมภ์นี้ไว้ในตำแหน่งอุปราช จำเดิม
แต่เวลาอดิสราญพรหมจรรย์แล้ว ก็จริงอยู่ ถึงอย่างนั้น การบรรพชาสละ
เป็นคุณชาติดูดูกว่าตำแหน่งอุปปราชเสียอีก." ลำดับนั้น ท้าวเธอ
จึงทรงรับสั่งพระกุมารว่า " พ่อ ! ลูกจะสามารถบวชได้ไหม ?"
พระกุมาร แม้ตามปกติ จำเดิมแต่ลำพระศิสลุมภ์แล้ว
ก็มีพระประสงค์อากกะจะพออยู่ที่เดียว พอได้ทรงสรรพระราชดำรัส
ก็เกิดพระปราโมทย์เป็นอย่างยิ่ง แล้วทรงถามว่า " ขอคุณสมมติ-
เทพ ! หมอฉันจะแบวร, ลูกจะหมอม่อม ทรงพระบรมราชานุญาต
ให้ ทรหมอม่อมฉันบวชแล้ว จะได้เป็นทายาทในพระศาสนา."
ก็โดยสมบูรณ์แล้ว แม้พระนางสงมิติตดา พระราชิจิต (ของ
ท้าวเธอ) ก็ประทับใจอยู่ในสถานนั้นเอง พระกุมารทรงพระนามว่า
อัคคิพรหม ผู้เป็นพระสาวมงคลของพระนางสงมิตตานั้นแล้ว ก็ได้
ผวร่วมกับพระศิสลุมภ์ผู้เป็นอุปราชแล้ว พระราชทอดพระเนตร
เห็นพระนางสงมิตตานั้นแล้ว จึงรับสั่งว่า "แม่ ! แม้ลูก
สามารถจะบวชได้ไหม ?" พระนางลูกตอบว่า " คิละ ทูลกระหมอม่อม
พ่อ ! หมอฉันสามารถ." พระราชาทรงขอใจพระราชโอรสและ
ิดาแล้ว มีพระราชหฤทัยเป็นบาน จึงสรัสพระดำรัสนี้ว่า พระภิกษุงค์
ว่า " ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ! ขอพระคุณเจ้าทั้งหลาย งไง
ทางกุลบังบัวร แล้วกระทำให้โยมบวชเป็นทายาทในพระศาสนิด."
พระสงรับพระราชดำรัสแล้ว ก็ให้พระกุมารบรรชา โดยมิพระ