ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ -
หน้าที่ 40
ก็ดี จึงเปิดเผยอาพาธนั้น ( ให้อาจารย์ทราบ ) ตามที่มันเป็น เรียนบอก
เวลาที่ ( กายใจ ) สบายสำหรับตน แล้วไปหา ( ท่าน ) ในเวลานั้น
เพราะว่าในเวลาที่ไม่สบาย แม้ท่านบอกกรรมฐานให้ เธอก็ไม่อาจ
มนสิการ ( ใส่ใจ ) ได้ นี้เป็นความพิสดาร ในข้อว่า " เข้าไปหาท่านผู้ให้
กรรมฐานผู้เป็นกัลยาณมิตร " นั้น
[จริยา และ จริต ๖]
บัดนี้ พึงทราบความพิสดาร ในข้อว่า " กรรมฐานอันอนุกูลแก่
จริยาของตน " นั้นต่อไป
คำว่า จริยา ได้แก่จริยา ๖ คือ ราคจริยา โทสจริยา โมหจริยา
สัทธาจริยา พุทธิจริยา วิตกจริยา แต่อาจารย์ลางพวกประสงค์เอา
จริยา ๑๔ ทั้งจริยา 6 นี้ โดยสังสัคคะ ( ความระคนกัน ) และ
สันนิบาต (ความรวมกัน แห่งวัตถุ ๒ ข้างหน้ามีราคะเป็นต้น
ได้จริยา ๔ หมวด ๑ แห่งวัตถุ ๓ ข้างหลัง มีสัทธาเป็นต้น ก็ได้จริยา ๔
อีกหมวด ๑ เหมือนกัน แต่เมื่อจะกล่าวประเภทออกไปอย่างนี้ จริยา
๑. มหาฎีกาว่า จริยา 5 นั้น อาจารย์พวกหนึ่ง แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม
๓ ข้างหน้า คือ ราคะ โทสะ โมหะ เป็นกลุ่ม ๑ ๓ ข้างหลัง คือ สัทธา พุทธิ วิตก
เป็นกลุ่มหนึ่ง แต่ละกลุ่มจัดแบ่งตามที่มันระคนกัน และตามที่มันเกิดร่วมกันได้ ได้อีก
กลุ่มละ ๔ ๒ กลุ่มเป็น 4 รวมกับมูลจริยา๖ จึงเป็นจริยา ๑๔
กลุ่มหน้า 4 นั้น โดยระคนกัน ๒ โดยเกิดร่วมกัน ๒ โดยระคนกัน ๒ คือ ราคโมห
จริยา และโทสโมหจริยา หมายความว่า รักเจือหลงก็มี โกรธเจือหลงก็มี โดยเกิดร่วมกัน ๒
คือ ราคโทสะจริยา และราคโทสโมหจริยาหมายความว่า รักกับโกรธ หรือรักโกรธหลง
มันเกิดต่อเนื่องเป็นอันเดียวกัน และรุนแรงหนักหนาปานๆ กันมีในคนๆ เดียวก็ได้
กลุ่มหลัง ๔ ก็นัยเดียวกัน คือ สัทธาพุทธิจริยา สัทธาวิตกจริยา พุทธิวิตกจริยา
สัทธาพุทธิวิตกจริยา หมายความว่า ความเชื่อเจือความฉลาดก็มี ความเชื่อเจือความคิด
มากก็มี และความฉลาดกับความคิดมาก หรือ ความเชื่อความฉลาดความคิดมาก มันเกิดต่อเนื่อง
เป็นอันเดียวกันได้ และเกิดมีในสันดานคนๆ เดียวปานๆ กันก็ได้