ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 317
*
ตนเพราะในอรรถกถาแก้ไว้เป็นมั่นเหมาะว่า " ตั้งเทวดาไว้ในฐาน
แห่งพยาน ระลึกถึงคุณทั้งหลายของตน " (
[เทวตานุสสติฌาน]
"ดังนี้
เพราะเหตุนั้น เมื่อพระโยคาวจรนั้น แม้ระลึกถึงคุณของเทวดา
ทั้งหลายในเบื้องแรกแล้ว ระลึกถึงคุณมีศรัทธาเป็นต้นที่ตนมีอยู่ใน
เบื้องปลายนั่นแล ในสมัยนั้นจิตของเธอจึงไม่เป็นจิตที่ราคะกลุ้มรุม
ไม่เป็นจิตที่โทสะกลุ้มรุมไม่เป็นจิตที่โมหะกลุ้มรุมเลยทีเดียว ใน
สมัยนั้นจิตของเธอย่อมดำเนินไปตรงแนวปรารภเทวดาแล องค์ฌาน
ทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน แก่เธอผู้ข่มนิวรณ์ได้แล้ว โดยนัย
ก่อน ( ที่กล่าวในพุทธานุสสติ) นั่นแล แต่เพราะความที่สัทธาทิคุณ
ทั้งหลายเป็นอารมณ์ลึกซึ้งหรือเพราะความที่จิตน้อมไปในการระลึก
ถึงคุณมีประการต่างๆฌานนี้จึงเป็นฌานที่ไม่ถึงอัปปนา ถึงเพียง
อุปจารเท่านั้น (และ) ฌานนี้นั้นก็ถึงซึ่งความนับ (ชื่อ) ว่า เทวตานุสสติ
นั่นเอง เพราะเป็นฌานที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจการระลึกถึงสัทธาทิคุณ
( ของตน ) อันเป็นเช่นกับคุณของเทวดาทั้งหลาย
(อานิสงส์เจริญเทวตานุสสติ
ก็แลภิกษุผู้ประกอบเนืองๆ ซึ่งเทวตานุสสตินี้ ย่อมเป็นที่รัก
ที่ชอบใจของเทวดาทั้งหลาย ได้บรรลุความไพบูลย์แห่งสัทธาทิคุณ โดย
ประมาณยิ่ง เป็นผู้มากไปด้วยปีติและปราโมชอยู่ อนึ่ง เมื่อยังไม่
บรรลุคุณอันยิ่งขึ้นไป เธอย่อมเป็นผู้มีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า
มหาฎีกาว่า เบื้องแรกคือเริ่มภาวนา เบื้องปลาย คือในเวลาจะสำเร็จอุปจาร