ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 138
แต่วิเวกนั้น หรือเกิดในวิเวกนั้น
[แก้อรรถบท ปีติสุข]
พึงทราบอรรถในบทว่า ปีติสุข (ดังต่อไป) นี้ ธรรมชาติใดทำ
ให้อิ่ม เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นจึงชื่อว่า ปิติ ปีตินั้นมีความปรีย์เปรม
เป็นลักษณะ มีอันยังกายและจิตใจให้อิ่มเอิบเป็นรส หรือว่ามีอัน
ซาบซ่านเป็นรส มีความฟูขึ้นเป็นเครื่องปรากฏ ก็ปีตินี้นั้นมี ๕ อย่าง
คือ
ขุททกาปีติ
ปีติเล็กน้อย
ขณิกาปีติ
ปีติชั่วข
วขณะ (แปลบๆ )
โอกกนฺติกาปีติ
ปีติเป็นพักๆ (ซู่ๆ )
อุพฺเพงคาปีติ
ผรณาปีติ
ปีติโลดโผน
ปีซาบซ่าน
ในปีติ ๕ อย่างนั้น ขุททกาปีติอาจทำเพียงอาการขบขันใน
ร่างกายเท่านั้น ขณิกาปีติย่อมเป็นชั่วขณะๆ
เช่นกับฟ้าแลบ
โอกกันติกาปีติลงสู่กายแล้วหายไปๆ ดุจคลื่นซัดฝั่งสมุทรแล้วก็แตกไป
ฉะนั้น อุพเพงคาปีติ เป็นปีติอย่างแรงถึงขนาดทำกายให้ลอยขึ้น
แล้วให้โลดไปในอากาศได้
จริงอย่างนั้น พระมหาติสสเถระผู้อยู่ ณ ปุณณวัลลิกวิหาร ใน
เวลาเย็นวันเพ็ญไปสู่ลานพระเจดีย์ (ยังไม่ทันถึง) เห็นแสงพระจันทร์
แล้วหันหน้าต่อพระมหาเจดีย์ รำพึงว่า " ในเวลานี้ละหนอ บริษัท ๔
ไหว้พระมหาเจดีย์กัน" ยังอุพเพงคาปีติอันมีพระพุทธ ( คุณ ) เป็น