ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 259
อัปปมัญญา 4 มีเมตตาภาวนาเป็นต้นอรูปสมาบัติ ๔ และองค์แห่ง
ปฏิจจสมุบาทโดยปฏิโลมมีชรามรณะเป็นต้น โดยอนุโลมมีอวิชชา
เป็นต้น ( เหล่านี้ )ก็พึงประกอบ ( ความ ) เข้าโดยนัยนั้นแล
นี่เป็นการประกอบ (ความ ) บท ๑ ในธรรมเหล่านั้น (คือ)
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้ คือทรงรู้โดยอนุโลมทรงรู้โดยปฏิโลม โดย
ชอบและโดยพระองค์เอง ซึ่งธรรมทั้งปวง โดยยกขึ้นเอาทีละบทอย่าง
นี้ว่า " ชรามรณะเป็นทุกขสัจ ชาติเป็นสมุทัยสัจ ความออกไปแห่ง
ทุกข์และสมุทัยนั้นทั้งสองเป็นนิโรธสัจ ปฏิปทาเป็นเหตุรู้นิโรธ เป็น
มรรคสัจ " ( ดังนี้เป็นตัวอย่าง ) เพราะเหตุนั้นข้าพเจ้าจึงว่า " พระ
ผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงพระนามว่า สมฺมาสมฺพุทฺโธ ก็เพราะทรงรู้
ธรรมทั้งปวงโดยชอบ และโดยพระองค์เอง " ดังนี้
[แก้อรรถบท วิชชาจรณสมฺปนฺโน]
៨
ส่วนที่ทรงพระนามว่า วิชชาจรณสมฺปนฺโน ก็เพราะทรงถึง
พร้อมด้วยวิชชาทั้งหลายและจรณะด้วย ใน ๒ บทนั้น บทว่า วิชชา
หมายเอาทั้งวิชชา ๓ ทั้งวิชชา ๘ วิชชา ๓ พึงทราบตามนัยที่กล่าวใน
ภยเภรวสูตรวิชชา ๘ พึงทราบตามนัยที่กล่าวในอัมพัฏฐสูตรเถิด ก็
อัมพัฏฐสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกำหนดเอาอภิญญา ๖ กับ
วิปัสสนาญาณ และมโนมยิทธิ ตรัสเป็นวิชชา ๘
ธรรม ๑๕ ประการ คือ สีลสังวร อินทริเยสุคุตฺตทวารตา ( ความ
คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย) โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยค
สัทธรรม ๗ ( คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ วิริยะ สติ ปัญญา )