ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 88
ชั่วคน พระเถระ ( ทีจะได้สติ ) กลับมาเสีย ( ไม่ตามไปอีก ) ทีนี้
มัน ( เห็นว่าล่อพระเถระไม่สำเร็จดังใจนึก ) ก็โลดแล่นมาจับ (ตัว)
ท่าน ร้องตะคอกว่า " เฮ้ยพระ คนเช่นแก ( นี่ ) ข้ากินเสียไม่ใช่
คนหนึ่งสองคนแล้ว""
[กลยาณมิตฺตานํ อลาโภ]
ข้อว่า " วิหารที่หากัลยาณมิตร ไม่ได้ " ความว่าในวิหารใด
พระโยคาวจร ไม่อาจหาอาจารย์หรือภิกษุปูนอาจารย์ก็ดี อุปัชฌาย์
หรือภิกษุปูนอุปัชฌาย์ก็ดีเป็นกัลยาณมิตรได้ ความไม่ได้กัลยาณมิตร
นั้นในวิหารนั้นมีโทษมากทีเดียว
วิหารที่ประกอบด้วยโทษ ๑๘ อย่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง จึง
ทราบว่าเป็นวิหารไม่เหมาะสม จริงอยู่ แม้ในอรรถกถาทั้งหลาย
ท่านก็ได้กล่าวคำประพันธ์นี้ไว้ว่า
* เรื่องนี้ท่านเล่าลัดไป ราวกะเรื่องนึกพูดในใจ รู้เรื่องแต่ตัวผู้เดียวก็แล้วกัน ถ้าจะ
แปลกันเท่าตัวก็รู้สึกกว่า คนอ่านจะกลืนยากเต็มที่ จึงต้องเติมความกันเป็นบรรทัด ๆ ถ้า
เติมผิดความจริงไป ก็ขอรับประทานโทษ และยังมีปัญหาอีก ๒ ข้อคือ
๑. มันจับท่านได้แล้วหักคอกินเสีย หรือว่ามีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้นทำให้มันต้อง
ปล่อยท่าน ข้อนี้ไม่สามารถจะเตาเติมความอะไรลงไปได้ เพราะไม่มีแนวความจะให้คิด
จึงเป็นเรื่องที่ไม่จบเรื่อง
๒. ยักษิณีมันโกรธโลดแล่นาจับตัวท่านจะหักคอกิน มันยังจะใช้คำสุภาพ
อ่อนน้อมพูดกับท่านว่า ภนฺเต อยู่ละหรือ อย่างดีก็น่าจะใช้คำตรงๆ ว่า ภิกขุ แม้ว่า
อาจใช้คำ ภนฺเต แต่ยักษิณีมันคงไม่ใช้เสียงปกติ มันคงใช้เสียงตะคอกแล้วเราจะยังคง
อาจใช้คำ ภนฺเต แต่ยักษิณีมันคงไม่ใช่เสียงปกติ มันคงใช้เสียงตะคอกแล้วเราจะยังคง
แปลตามเคยว่า "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ หรือ ท่านเจ้าขา" จะได้กับความจริงละหรือ