ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 123
[อุปมาแห่งสัมมาวายามะ]
(ต่อไป ) นี้ เป็นคำแสดงความในสองคาถาข้างท้าย อุปมา
เหมือนผึ้ง (ตัวหนึ่ง) โง่ รู้ว่าดอกไม้ต้นโน้นบานแล้ว แล่นไปโดย
ความเร็วจัด ( จนยังไม่อยู่) เลยล่วงดอกไม้นั้นไปเสีย ย้อนกลับมาถึง
ต่อเมื่อเกสรมันสิ้น (รส) เสียแล้ว อีกตัวหนึ่งก็โง่ แล่นไปโดยความ
เร็วอ่อน ไปถึงเมื่อ ( เกสร ) มันสิ้น (รส) แล้วเหมือนกัน ส่วนผึ้งตัว
ที่ฉลาดแล่นไปโดยความเร็วพอดี ถึงกลุ่มดอกไม้แล้ว เคล้าเอาเกสร
เท่าที่ต้องการมาปรุงเป็นน้ำผึ้ง ก็ได้เสวยรสหวานสบายไป ฉันใด อนึ่ง
อุปมาเหมือนเมื่อพวกลูกศิษย์ช่างสลักใช้ ( ปลาย ) มีดสลัก (ลวดลาย)
ลงที่ใบอุบล*ที่ลอยไว้ในอ่างน้ำกันอยู่ ศิษย์คนหนึ่งฉลาดเกินไปจด
มีดลงเร็ว ( ทำให้ ) ใบอุบลฉีกบ้าง จมน้ำไปบ้างอีกคนหนึ่งไม่
ฉลาดเลย ไม่กล้าแม้แต่จะเอามีดถู ( ใบอุบล ) เพราะกลัวมันฉีกและ
จม ส่วนคนฉลาดแสดงรอยมีด ( เป็นลวดลาย) ในใบอุบลนั้นด้วย
ประโยค (พยายาม) ที่พอดี ก็เป็นผู้ได้ชื่อว่ามีศิลปะสำเร็จทำงานใน
ตำแหน่งทั้งหลาย ( ที่ต้องใช้ศิลปะ ) เช่นนั้นย่อมได้ลาภ ฉันใด อนึ่ง
(
อุปมาเหมือนพระราชาทรงประกาศว่า" ผู้ใดนำใยแมลงมุมยาว
ประมาณ ๔ วามา ( ถวาย ) ได้ ผู้นั้นจะได้ทรัพย์ ๔,๐๐๐ (เหรียญ)
* ที่แปลทับศัพท์ว่า ใบอุบล ไม่แปลเป็นไทยว่าใบบัว เพราะคำว่า บัว ในภาษาไทยเป็น
คำรวม หมายถึงอุบลก็ได้ ปทุมก็ได้ แต่ในภาษาบาลี อุบล กับ ปทุม ไม่ใช่บัวพันธุ์
เดียวกัน อุบลนั้นได้แก่บัวสาย ปทุมได้แก่บัวก้าน ที่เราเรียกว่าบัวหลวง ถ้าสีขาวเรียก
บุณฑริก เพราะฉะนั้น จึงแปลทับศัพท์ไว้เพื่อให้ทราบชนิดของมัน