ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 76
จิตของเธอน้อมไปในกรรมฐานบทไหน ดังนี้เป็นต้น จึงจะทราบได้
พระอาจารย์ได้ทราบอย่างนี้แล้วจึงบอกกรรมฐานอันอนุกูลแก่จริยาเถิด
ก็แลเมื่อจะบอก จึงบอกโดย ๓ วิธี คือ (๑) สำหรับผู้เรียนกรรม
ฐานอยู่โดยปกติ” จึงให้ทำการสาธยาย (ฟังดู) นั่ง ๑ (หรือ)
๒ หน” แล้วจึงให้ (๒) สำหรับผู้อยู่ในสำนักจึงบอกให้ทุกขณะที่
เธอมา (หา) (๓) สำหรับผู้เรียนแล้วใคร่จะไปที่อื่น จึงบอก
อย่าให้ย่อนัก อย่าให้พิสดารนัก
ในกรรมฐานเหล่านั้น ก่อนอื่น เมื่อจะบอกปฐวีกสิณกรรมฐาน
จึงบอกอาการ 8 นี้ คือ (๑) กสิณโทษ ๔ (๒) การทำกสิณ (๓)
ภาวนานัยแห่งกสิณที่ทำแล้ว (๔) นิมิต ๒ (๕) สมาธิ ๒ (๖)
สัปปายะและอสัปปายะ ๓ (๒) อัปปนาโกศล ๑๐ (๔) วิริยสมตา
(ความสม่ำเสมอแห่งความเพียร ) (6) อัปปนาวิธาน (วิธีเจริญ
อัปปนา ) แม้ในกรรมฐานที่เหลือ ก็พึงบอกสิ่งที่ควรแก่กรรมฐาน
นั้นๆ วิธีทั้งปวงนั้นจักมีแจ้งใน (ตอนว่าด้วย) ภาวนาวิธีแห่ง
G).
มหาฎีกาท่านแนะว่า ควรถามตามนัยที่ ๑ ว่า เธอเป็นคนจริตอะไร ดังนี้ก่อน เมื่อ
เธอตอบว่าไม่ทราบ จึงถามตามนัยอื่นต่อไป (ไม่ใช่นึกจะถามอะไรก็ถามส่งไป)
๒. มหาฎีกาว่า หมายถึงผู้ได้ทำความสั่งสมในกรรมฐานที่ตนมีประสงค์จะถือ โดย
สาธยายบ้าง มนสิการบ้างอยู่แล้ว เพราะฉะ
พราะฉะนั้นอาจารย์จึงควรให้ลองว่าให้ฟังดูแล้ว
จึงให้กรรมฐาน
๓. เอก เทว นิสชชา มหาฎีกาแก้ไว้ว่า เอ็ก วา เทว วา อุณหาสนาน หมายความ
ว่า นั่งจนอาสนะร้อนหน ๑ หรือ ๒ หน ไม่ใช่นั่นครู่เดียว อาสนะยังไม่ร้อน
ชอบกล สำหรับนี่ก็มาได้กับสำนวนภาษาไทยที่ว่า นั่งจนก้นร้อน ต่างกันแต่วัตถุ
ที่ร้อน ของท่านเป็นอาสนะ ของเราเป็นอวัยวะ