ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 316
[เทวตานุสสติ]
ส่วนว่า พระโยคาวจรผู้ใคร่จะเจริญเทวตานุสสติ ต้องเป็น
ผู้ประกอบด้วยคุณทั้งหลายมีศรัทธาเป็นต้น อัน (เกิด) ขึ้นมาอย่างดี
ด้วยอำนาจอริยมรรคแล้ว แต่นั้น พึงไปในที่ลับ ( คน ) เร้นอยู่ (ใน
เสนาสนะอันสมควร )แล้ว ตั้งเทวดาไว้ในฐานะแห่งพยาน ระลึกถึง
คุณมีศรัทธาเป็นต้นของตนอย่างนี้ว่า " เทวดาเหล่าจาตุมหาราชิกามีอยู่
เทวดาเหล่าดาวดึงส์ เหล่ายามา เหล่าดุสิต เหล่านิมมานรดี เหล่า
ปรนิมมิตวสวัตตี ก็มีอยู่ เทวดาจำพวกรูปพรหมก็มีอยู่ เทวดาที่ชั้นสูง
กว่าจำพวกรูปพรหมนั้นก็มีอยู่ เทวดาเหล่านั้นประกอบด้วยศรัทธาอย่าง
ใด จุติจากภพนี้แล้ว ( ไป ) เกิดในภพนั้นๆ ศรัทธาอย่างนั้น แม้ของ
เราก็มีอยู่ เทวดาเหล่านั้นประกอบด้วยศีลอย่างใดสุตะอย่างใด จาคะ
อย่างใด ปัญญาอย่างใด จุติจากภพนี้แล้ว ( ไป ) เกิดในภพนั้นๆ
ศีลอย่างนั้น สุตะอย่างนั้นจาคะอย่างนั้น ปัญญาอย่างนั้น แม้ของเรา
ก็มีอยู่ " ดังนี้ แต่ในพระสูตรตรัส (สองฝ่ายเสมอกัน ) ว่า " ดูกร
มหานาม ในสมัยใด อริยสาวกระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และ
ปัญญาของตนและของเทวดาทั้งหลายเหล่านั้นด้วย ในสมัยนั้น จิต
ของเธอย่อมไม่เป็นจิตที่ราคะกลุ้มรุมเลย..." ดังนี้ ตรัส (สองฝ่าย
เสมอกันเช่นนั้น ) ก็จริง แต่ที่แท้ บัณฑิตพึงทราบว่าคำ ( ในพระสูตร )
นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเพื่อแสดงคุณของเทวดา ที่พึงตั้งไว้ใน
ฐานแห่งพยานทั้งหลาย เสมอกันกับคุณทั้งหลายมีศรัทธาเป็นต้นของ
* อง.ฉกุก. ๒๒/๓๒๐