ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 69
ทางดู ทางกระทบถูก และทางฟัง ใน ๓ ทางนั้น กรรมฐาน ๑๕ คือ
กสิณเว้นวาโยกสิณ เหลือ 8 อสุภ ๑๐ นี้ต้องถือเอา (นิมิต) ทางดู
หมายความว่า นิมิตของกรรมฐานเหล่านั้น เบื้องแรกต้องดูด้วยตา
(เป็นบริกรรมนิมิต) แล้วจึงถือเอา (เป็นอุคคหนิมิต) ได้
ในกายคตาสติ อารมณ์ของกายคตาสตินั้น ถือเอาได้ทั้งทางดูและ
ทางฟัง ดังนี้ คือ ส่วนที่เป็นตจปัญจกะ ๑ ถือเอาทางดู ส่วนที่เหลือ
ถือเอาทางฟัง อานาปานสติ ถือเอาทางกระทบถูก วาโยกสิณ
ถือเอาได้ทั้งทางเห็นและทางกระทบถูก ที่เหลือ ๑๘ ถือเอาทางฟัง
แต่ในกรรมฐาน ๔๐ นั้น กรรมฐานคือ อุเบกขาพรหมวิหาร
(และ) อารูป ๔ นี้ พระโยคาวจรผู้เป็นอาทิกัมมิกะ ไม่ควรถือเอา
ที่เหลือ ๓๕ จึงควรถือเอา แล
บัณฑิตพึงทราบวินิจฉัยโดยการถือเอา (นิมิต ) ดังนี้
[ปจฺจยโต]
บทว่า " โดยเป็นปัจจัย " มีวินิจฉัยว่า ก็ในกรรมฐาน
เหล่านี้ กสิณเว้นอากาสกสิณ เหลือ 8 ย่อมเป็นปัจจัยแห่ง อารูป
ทั้งหลาย
ลาย กสิณทั้ง ๑๐ เป็นปัจจัยแห่งอภิญญา พรหมวิหาร ๓ เป็น
ปัจจัยแห่งพรหมวิหารที่ ๔ อรูปชั้นต่ำๆ เป็นปัจจัยแห่งอรูปชั้น
มหาฎีกาว่า ผู้เริ่มทำกรรมฐานจะไปคว้าเอา อุเบกขากับอรูป ๔ มาเริ่มทำหาได้ไม่
เพราะอุเบกขานั้นต้องบรรลุพรหมวิหาร ๔ ๓ ข้างต้นก่อนจึงจะทำให้เกิดขึ้นได้ และอารูป
เล่าก็ต้องบรรลุรูปาวจรจตุตถฌาน ในกสิณก่อน จึงจะทำให้เกิดขึ้นได้