ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 11
และสมาธิอันข่มนิวรณ์ได้แล้ว ต่อนั้น ทุติยฌาน วิตก วิจาร สงบไป
เหลือองค์ ๓ ต่อนั้น ตติยฌาน ปีติคลายไป เหลือองค์ ๒ ต่อนั้น
จตุตถฌาน ละสุขเสีย เหลือองค์ ๒ ด้วยอำนาจแห่งสมาธิอันประกอบ
ด้วยอุเบกขาเวทนา สมาธิ ๔ เป็นองค์แห่งฌาน ๔ นี้ ดังนี้ อย่างนี้แล
สมาธิเป็น ๔ โดยเป็นองค์แห่งจตุกฌาน
(จตุกกะ ที่ ๔ ]
สมาธิที่เป็นหานภาคิยะ (เป็นทางฝ่ายเสื่อม) ก็มี เป็นจิต
“ภาคิยะ (เป็นไปทางฝ่ายทรงตัวอยู่) ก็มี เป็นวิเสสภาคิยะ ( เป็นไป
ทางฝ่ายวิเศษขึ้น) ก็มี เป็นนิพเพธภาคิยะ (เป็นไปทางฝ่ายจะให้รู้
แจ้งแทงตลอดอริยสัจ) ก็มี
ในสมาธิ 4 นั้น ความที่สมาธิเป็นหานภาคิยะ พึงทราบ
(ว่าย่อมเป็น) ด้วยอำนาจความฟุ้งขึ้นมาแห่งปัจจนึกธรรม ความที่
สมาธิเป็นฐิติภาคิยะ พึงทราบ (ว่าย่อมเป็น) ด้วยอำนาจความหยุด
อยู่แห่งสติเป็นสภาพควรแก่สมาธินั้น ความที่สมาธิเป็นวิเสสภาคิยะ
พึงทราบ ( ว่าย่อมเป็น ) ด้วยอำนาจความได้บรรลุธรรมวิเศษเลื่อนชั้น
ขึ้นไป และความที่สมาธิเป็นนิพเพธภาคิยะ พึงทราบ (ว่าย่อมเป็น)
ด้วยอำนาจความผุดขึ้นแห่งสัญญาและมนสิการ อันสหรคตด้วยนิพพิทา
ดังท่านกล่าวว่า สัญญาและมนสิการอันสหรคตด้วยกามเกิดขึ้น
๑.
แปลโดยนัยมหาฎีกาซึ่งแก้ไว้ว่า ตทนฺธมฺมตายาติ ตหนุรูปตาภูตาย สติยา
๒. คือว่าเป็นวิปัสสนาขึ้น