ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 274
แท้ โดยโปรยปรายพระอนุสาสนี้ไปถึงข้าง สัตว์ดิรัจฉานเหล่านั้นเล่า
ได้อุปนิสัยสมบัติด้วยการฟังธรรมแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ด้วย
อุปนิสัยสมบัตินั้นเอง จะเป็นผู้มีส่วนแห่งมรรคผลในชาติที่ ๒ หรือ
ที่ ๓ จริงอยู่ ผู้ได้อุปนิสัยสมบัติด้วยการฟังธรรมทั้งหลาย มีมัณฑก
เทพบุตรเป็นต้น เป็นตัวอย่างในข้อนี้
[เรื่องมัณฑุกเทพบุตร]
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมแก่
ชาวเมืองจัมปาอยู่ที่ขอบสระโบกขรณี ชื่อคัคครา กบตัวหนึ่งจับนิมิต
ในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ ( ว่าทรงแสดงธรรม มีจิต
เลื่อมใส ขึ้นมาหมอบนิ่งฟังอยู่บนบก ท้ายหมู่คน ) คนเลี้ยงลูกโคผู้หนึ่ง
( เร่เข้าไปยืนฟัง และยืนอยู่ชิดกบ แต่กบกำลังเลื่อมใสในผูกพันอยู่
ในพระสุรเสียง จึงไม่โดดหนี ฝ่ายคนเลี้ยงลูกโคก็ไม่เห็นกบ) กระทุ้ง
ไม้พลองตั้งลง ( บังเอิญ )กระแทกถูกมันเข้าที่หัว มันตายทันที แล้ว
ไปเกิดในวิมานทองสูง ๑๒ โยชน์ในภพดาวดึงส์ เป็นเหมือนหลับ
ไปแล้วตื่นขึ้น เห็นตนมีหมู่นางฟ้าห้อมล้อมอยู่ในวิมานนั้น คิดคำนึง
ดูว่า " ชิ ตัวเราก็ ( มา ) เกิดที่นี่ด้วยนะ เราได้ทำกรรมอะไรเล่าหนอ "
ก็มิได้เห็นกรรมอื่นสักอย่าง นอกจากการถือเอานิมิตในพระสุรเสียง
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทันใดนั้น เทพบุตรนั้นก็มา ( เฝ้า ) ทั้งวิมาน
(ครั้นถึง) จึงถวายบังคมพระบาทยุคลของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มี
พระภาคเจ้าก็ทรงทราบอยู่แล (แต่) ตรัสถาม ( เพื่อให้คนทั้งหลายเห็น
ประจักษ์ในผลกรรมและพุทธานุภาพ ) ว่า