ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 298
แท้จริง โลกุตตรธรรมนั้น ไม่เป็นวิสัยของพวกคนโง่เลยทีเดียว
[อีกนัยหนึ่ง ธรรมคุณบทหลังๆ เป็นเหตุของบทหน้าๆ]
อีกนัยหนึ่งเล่า ธรรมนี้เป็น สุวากฺขาตะ ถามว่าเพราะเหตุอะไร
( จึงเป็น สุวากฺขาตะ ) แก้ว่า เพราะธรรมนี้เป็นสันทิฏฐิกะ ธรรมนี้
ได้ชื่อว่า สันทิฏฐิกะ ก็เพราะเป็นอกาลิกะ ธรรมนี้ได้ชื่อว่า อกาลิกะ
ก็เพราะเป็นเอหิปัสสิกะและธรรมใดได้ชื่อว่า เอหิปัสสิกะ ธรรมนั้น
ก็ย่อมเป็น โอปนยิกะ แล
[ธรรมานุสสติฌาน]
เมื่อพระโยคาวจรนั้น ระลึกถึงพระธรรมคุณทั้งหลาย อันต่าง
โดยคุณมีความเป็นสวากขาตะเป็นต้น ดังกล่าวมาฉะนี้อยู่ ในสมัยนั้น
จิตของเธอย่อมไม่เป็นจิตที่ราคะกลุ้มรุม ไม่เป็นจิตที่โทสะกลุ้มรุม
ไม่เป็นจิตที่โมหะกลุ้มรุมเลยทีเดียว ในสมัยนั้นจิตของเธอย่อมเป็นจิต
ดำเนินไปตรงแนวปรารภพระธรรมแล องค์ฌานทั้งหลายย่อมเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกัน แก่เธอผู้ข่มนิวรณ์ได้แล้วโดยนัยก่อน ( ที่กล่าวใน
พุทธานุสสติ ) นั่นแล แต่เพราะความที่พระธรรมคุณทั้งหลายเป็น
อารมณ์ลึกซึ้ง หรือเพราะความที่จิตน้อมไปในการระลึกถึงพระคุณ
หลายอย่างต่างประการ ฌานนี้จึงเป็นฌานไม่ถึงอัปปนา ถึงเพียง
อุปจารเท่านั้น ( และ ) ฌานนี้นั้น ก็ถึงซึ่งความนับ (ชื่อ) ว่า ธรรมา
นุสสตินั่นเอง เพราะเป็นฌานที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจการระลึกถึงพระ
ธรรมคุณ