ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 200
ในแสงที่ช่องฝาบ้าง ที่ช่องดาลบ้าง ที่ช่องหน้าต่างบ้าง " ดังนี้ ( ว่า )
สำหรับผู้มีบุญมีอธิการได้สร้างไว้ก่อนเพียงแต่ได้เห็นแสงอาทิตย์
หรือแสงจันทร์เข้ามาทางช่อง มีช่องฝาเป็นต้น ช่องใดช่องหนึ่งแล้ว
ทำให้เกิดเป็นดวงขึ้นที่ฝาหรือที่พื้นก็ดี ลอดหว่างกิ่งต้นไม้ที่มีใบทึบ
ทำให้เกิดเป็นดวงขึ้นที่พื้นดินนั่นก็ดี เท่านั้นนิมิตก็เกิดขึ้นได้ แม้พระ
โยคาวจรนอกนี้ ( ที่ไม่มีบุญ ) ก็พึง (เพ่งดู) ดวงแสงมีประการดังกล่าว
แล้วนั้นแหละ ภาวนาไปว่า โอภาโส โอภาโส หรือว่า อาโลโก
อาโลโก ก็ได้ เมื่อไม่อาจ (ทำ) อย่างนั้นได้ จึงตามประทีปเข้าไว้
ในหม้อ ปิดปากหม้อเสีย” ทำช่องเข้าที่ ( ข้าง ) หม้อแล้วตั้งหันหน้า
(ช่อง) เข้าฝา แสงประทีปออกทางช่องนั้น ทำให้เป็น ดวงขึ้นที่ฝา
พึง (เพ่งดู ) ดวงแสงนั้น ภาวนาไปว่า อาโลโก อาโลโก ดวงแสงนี้อยู่
ได้นานกว่าดวงแสงนอกนั้น ( ที่กล่าวมาข้างต้น ) อุคคหนิมิตในอาโลก
กสิณนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับดวงที่ติดอยู่ที่ฝาหรือที่พื้นนั่นเอง (ส่วน)
ปฏิภาคนิมิตเป็นดวงหนาและใสคล้ายกับก้อนแสง คำ (พรรณนา)
ที่เหลือก็เช่นเดียวกันนั้นแล
[ปริจฉินนากาสกสิณ
แม้ในปริจฉินนากาสกสิณ โดยคำ ( ในอรรถกถา ) ว่า "พระ
๑. มหาฎีกาว่า ดวงแสงที่เกิดแต่แสงอาทิตย์และจันทร์นั้น ตั้งอยู่ไม่นาน
(เพราะมันเคลื่อนไปตามดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ) ผู้ไม่มีบุญ ไม่อาจภาวนาให้นิมิตเกิด
ในชั่วเวลาอันสั้นนั้นได้ จึงต้องใช้ประทีปหม้อ
๒. เพราะแสงที่ออกทางปากหม้อมันใหญ่ และจะทำให้ตาพร่า