ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 310
เป็นศีลไม่ขาดเป็นต้นดังนี้อยู่ ในสมัยนั้น จิต (ของเธอ ) ย่อมไม่เป็น
จิตที่ราคะกลุ้มรุม ไม่เป็นจิตที่โทสะกลุ้มรุม ไม่เป็นจิตที่โมหะกลุ้มรุม
เลยทีเดียว ในสมัยนั้นจิตของเธอย่อมเป็นจิตดำเนินไปตรงแนวปรารภ
ศีลแล องค์ฌานทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นในขณะเดียวกันแก่เธอผู้ข่มนิวรณ์
ได้แล้ว โดยนัยก่อน ( ที่กล่าวในพุทธานุสสติ ) นั่นแล แต่เพราะความ
ที่สีลคุณทั้งหลายเป็นอารมณ์ลึกซึ้ง หรือเพราะความที่จิตน้อมไปใน
การระลึกถึงคุณนานาประการ ฌานนี้จึงเป็นฌานที่ไม่ถึงอัปปนา ถึง
เพียงอุปจารเท่านั้น (และ) ฌานนี้นั้นก็ถึงซึ่งความนับ (ชื่อ) สีลา
นุสสติ นั่นเอง เพราะเป็นฌานที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจการระลึกถึงศีลคุณ
[อานิสงส์เจริญสีลานุสตติ
ก็แลภิกษุผู้ประกอบเนืองๆ ซึ่งสีลานุสสตินี้ ย่อมเป็นผู้มีความ
เคารพในสิกขา มีความประพฤติเหมาะสมไม่ประมาทในการปฏิ
สันถาร ปราศจากภัย มีอัตตานุวาทภัย (ภัยคือตนติตนเองได้) เป็นต้น
มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายมาตรว่าเล็กน้อย ได้ความไพบูล
แห่งคุณมีศรัทธาเป็นอาทิ เป็นผู้มากไปด้วยปีติและปราโมช อนึ่ง
เมื่อยังไม่บรรลุคุณอันยิ่งขึ้นไป เธอย่อมเป็นผู้มีสุคติเป็นที่ไปใน
เบื้องหน้า
* หมายเอาภัย ๔ คือ อัตตานุวาทภัย (ตนติตนเอง ) ปรานุวาทภัย (คนอื่นติ)
ทัณฑภัย ( ถูกจับลงอาชญา ) ทุคคติ (ตายไปแล้วไปทุคติ)