ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 196
พระโยคาวจร (ผู้เจริญวาโยกสิณ ) เห็นต้นอ้อยก็ดี กอไผ่ก็ดี ต้นไม้ก็ดี
ที่มีใบหนาตั้งอยู่ (สูง) เพียงศีรษะ” หรือผมของคนที่มีผมหนายาว
ประมาณ ๔ องคุลี ก็ดี ที่ลมพัดอยู่ จึงตั้งสติ (ระลึก ) ว่า " ลมนี่พัด
ทนัน " ก็หรือว่า ลมเข้าทางช่องหน้าต่างบ้าง ช่องฝาบ้าง มาต้อง
ร่างกายของเธออันใด พึงตั้งสติในลมอันนั้น ภาวนาว่า วาโต วาโต
โดยที่เป็นนามเด่นในบรรดานามของลมทั้งหลาย เช่น วาตะ มาลุตะ
อนิละ อุคคหนิมิตในวาโยกสิณนี้ปรากฏยังเป็นนิมิตไหว เช่นกับกลุ่มไอ
(ร้อน ) แห่งข้าวปายาสที่เพิ่งปลงลงจากเตา (ส่วน ) ปฏิภาคนิมิตเป็น
ดวงนิ่งแน่ว คำที่เหลือพึงทราบตามนัยที่กล่าวแล้วนั้นเทอญ
วาโยกสิณ จบ
(นีลกสิณ]
ส่วน ( กสิณ ) ถัดนั้นไป ( บัณฑิตพึงทราบดังนี้ ) โดยคำ ( ในอรรถ
กถาทั้งหลาย) ว่า " พระโยคาวจรผู้จะขึ้นเอานีลกสิณ ย่อมถือเอานิมิต
ในสีเขียว ( คราม ) เป็นดอกไม้บ้าง เป็นผ้าบ้าง เป็นธาตุสีบ้าง " ดังนี้
(ว่า) สำหรับผู้มีบุญมีอธิการ ได้สร้างไว้ก่อน เพียงได้เห็นกอดอกไม้
อันมีสีอย่างนั้น หรือพรมดอกไม้ อันมีสีอย่างนั้นในที่บูชาหรือผ้าเขียว
และแก้วเขียว อย่างใดอย่างหนึ่ง นิมิตก็เกิดขึ้นได้ พระโยคาวจรนอกนี้
กามลม
๑. จะได้เพ่งดูตรงๆ ตามสบาย ไม่ต้องแหงน ไม่ต้องก้ม
๒. ผมสั้นไป ต้องลมก็ไม่ไหว ถ้ายาวไปก็ห้อยเสีย ถ้าบางไปก็ตา
ไม่ปรากฏอาการต้องลม เพราะฉะนั้นท่านจึงกำหนดเอา ๔ องคุลี ไม่สั้น ไม่ยาว และ
หนาด้วย อาการต้องลมจะได้ปรากฏ คือไหวไปมาได้