ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 33
อิสรชนทั้งหลาย ผู้มีจิตสันดานอันเมตตานั้นทำให้อ่อนโยนแล้ว
รักษาล้อมกันอย่างดี โดยการรักษาอันเป็นธรรม ด้วยเมตตา
(ที่เจริญไป ) ในคนทั้งหลายในโคจรคามนั้น เธอย่อมจะเป็นผู้ที่
คนเหล่านั้นผู้มีจิตอันเมตตานั้น ทำให้เลื่อมใสแล้ว ไม่รังแก เที่ยวไป
( ไหนได้ตามสบาย ) ด้วยเมตตา ( ที่เจริญไป) ในสัตว์ ดิรัจฉาน)
ทั้งปวง เธอจะเป็นผู้มีการเที่ยวไปไม่ถูกขัดขวางในที่ทั้งปวง อนึ่ง
ด้วยมรณสติ เธอคิดอยู่ว่า อวสฺส์ มยา มริตพฺพ์ ( เราต้องตายแน่ )
ดังนี้ จะละอเนสนาเสียได้ มีความสังเวชเพิ่มขึ้นๆ เป็นผู้มีความ
ประพฤติไม่ย่อหย่อน ( ในสัมมาปฏิบัติ ) อนึ่ง เมื่อเธอมีจิตอันได้
สั่งสม ( อบรม ) แล้วในอสุภสัญญา อารมณ์ทั้งหลายแม้เป็นทิพย์
ย่อมไม่ยึดจิต ( ของเธอ ) โดยทำให้อยากได้ ด้วยประการดังกล่าวมา
ด
ฉะนี้ กรรมฐาน ๓ มีเมตตาเป็นต้น ท่านจึงเรียกว่า สัพพัตถกกัมมฐาน
เหตุเป็นกรรมฐานที่พึงต้องการ คือพึงปรารถนาในภาวนานุโยคทั้งปวง
เพราะความเป็นกรรมฐานมีอุปการะมากประการ ๑ เหตุเป็นที่ตั้ง
แห่งการงาน คือการประกอบเนืองๆ ซึ่งโยคภาวนาที่ประสงค์
ประการ ๑ ส่วนว่ากรรมฐานข้อใดในกรรมฐาน ๔๐ อนุกูลแก่จริยา ของ
ภิกษุใด กรรมฐานข้อนั้น ท่านเรียกว่า ปาริหาริย์กัมมฐานของภิกษุนั้น
เพราะเป็นกรรมฐานที่เธอต้องบริหารเป็นนิจ” และเพราะเป็นปทัฏฐาน
แห่งงานภาวนาเบื้องสูงของเธอด้วย ท่านผู้ใดให้กรรมฐานทั้ง ๒ อย่าง
๑. ฐาน มหาฎีกาแก้ว่า นิพฺพตฺติ เหตุเกิด
๒. มหาฎีกาขยายความว่า ปาริหาริย์กัมมฐานนี้ต้องบริหาร คือประกอบบำเพ็ญอยู่
ตลอดกาล ไม่งดเสียบ้างลางคราวก็ได้ ดุจสัพพัตถกกัมมฐาน