อารมณ์และปัญญาในวิสุทธิมรรค วิสุทธิมรรคแปล ภาค 1 ตอน 2 หน้า 43
หน้าที่ 43 / 324

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์ โทสะ และปัญญาในบริบทของการทำกุศลธรรม โดยชี้ให้เห็นว่าโทสะและปัญญานั้นมีอิทธิพลต่อการกระทำของมนุษย์ ปัญญาเป็นคุณลักษณะที่ไม่พัวพันกับโทสะ ขณะที่โทสะมักจะหาความผิดของผู้อื่น แม้จะเป็นความไม่จริง การพัฒนาปัญญาสามารถช่วยให้เราหลีกเลี่ยงจากบิดเบือนในความคิดและมีความเข้าใจในตัวเองและสังขารมากขึ้น นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างตัณหาและมานะในด้านวิธีการคิดที่ส่งผลต่อการกระทำทางจริยธรรมและทางจิตใจ โดยมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับประเภทของปัญญาที่สูงส่ง

หัวข้อประเด็น

-อารมณ์และปัญญา
-ความสัมพันธ์ระหว่างโทสะและกุศลธรรม
-การพัฒนาปัญญาในชีวิตประจำวัน
-การแยกแยะความจริงในอารมณ์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 42 อารมณ์ ฉันใด ในฝ่ายกุศล ปัญญาก็เป็นคุณที่ไม่มีเยื่อยาง ไม่ พัวพันอารมณ์ฉันนั้น อนึ่ง โทสะส่ายหาแต่โทษ แม้ที่ แม้ที่ไม่เป็นจริง ฉันใด ปัญญาก็สอดหาโทษแต่ที่เป็นจริง ฉันนั้น” โทสะเป็นไปโดย อาการ ไม่เอื้อสัตว์ ( คน ) ฉันใด ปัญญาก็เป็นไปโดยอาการไม่เอื้อ สังขาร ฉันนั้น เพราะเหตุนั้น คนพุทธิจริต จึงมีส่วนเสมอกันแห่งคน โทสจริต ฝ่ายว่าคนโมหจริต เมื่อพยายามทำกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้นอยู่ วิตกทั้งหลายที่เป็นอันตราย (ต่อการทำกุศล) มักจะ เกิดขึ้น ( ทั้งนี้ ) เพราะวิตกมีลักษณะใกล้ต่อโมหะ จริงอยู่ โมหะ ไม่ปักลงไปได้ เพราะมัววุ่นวายอยู่ ( ไม่แน่ลงไปได้) ฉันใด วิตก ก็ไม่หยุดลงได้ เพราะมัวตรึกไปมีประการต่างๆ (ไม่รู้จบ ) ฉันนั้น อนึ่ง โมหะเป็นโทษที่โอนเอน เพราะความไม่ปักใจมั่น ฉันใด วิตกก็เป็นธรรมที่ไหวไปมา เพราะความคิด (เปลี่ยนเรื่อง ) เร็ว ฉันนั้น เพราะเหตุนั้น วิตกจริต จึงมีส่วนเสมอกันแห่งโมหจริต แล อาจารย์อีกพวก ๑ กล่าวว่า จริยา ๓ อย่างอื่นอีกก็มี โดยเนื่อง ด้วยตัณหามานะทิฏฐิ ( แต่ว่า ) ใน ๓ อย่างนั้นตัณหาก็คือราคะนั่นเอง มานะเล่าก็สัมปยุตตราคะนั้น เพราะฉะนั้น ตัณหา มานะ ทั้ง ๒ นั้น ๑. น่าจะหมายความว่า เกิดโทสะขึ้นแล้วก็เพ่งโทษคนอื่น หาความผิดให้คนอื่นแม้จะ เป็นเรื่องไม่จริงก็ตาม ส่วนปัญญานั้นพิจารณาหาดูโทษ ( ในตนหรือในสังขาร ) ตามที่ เป็นอยู่อย่างไร เพื่อจะปล่อยวาง ดังนี้กระมัง ? ๒. หมายความว่า โทสะเกิดขึ้นแล้วก็ไม่เอื้อ คือคิดร้ายต่อสัตว์ต่อคน ปัญญาเกิดขึ้น ก็ไม่เอื้อ คือเบื่อหน่ายในสังขาร คิดเพิกสังเกตว่า ปัญญาที่ท่านว่า ๆ นี้เป็น ปัญญาเบื้องสูงทั้งนั้น น่าสงสัยว่าพุทธินั้น ท่านหมายเอาปัญญาสูง ๆ เช่นนี้ หรือหมาย เพียงว่า คนที่มีความฉลาดในสันดาน?
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More