ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 225
ทั้งหลาย มีข้อว่า การกำหนดจำนิมิตโดยรอบมีประโยชน์อย่างไร เป็น
อาทิ
ก็เมื่อพระโยคาวจรผู้ใด ไปสู่ที่ตั้งอุทธุมาตกนิมิตในเวลาไม่
บังควร ทำการกำหนดนิมิตแม้โดยรอบแล้วลืมตาแลดู เพื่อถือเอา
นิมิตอยู่นั่นแล ซากนั้นจะปรากฏเป็นเหมือนลุกขึ้นยืน เหมือนจะจับเอา
และเหมือนจะไล่เอา พระโยคาวจรนั้นเห็นซากนั้นเป็นอารมณ์
พิลึกสะพึงกลัว ( เช่นนั้น ) แล้ว ก็จะใจหายเหมือนจะเป็นบ้าไปถึง
ซึ่งความกลัว ความสยอง ความขนพอง จริงอยู่ ในอารมณ์ ๓๘ ที่
ท่านจำแนกไว้ในบาลี อารมณ์อื่นที่จัดว่าเป็นอารมณ์น่ากลัวเห็นปานนี้
หามีไม่ เพราะในกรรมฐานนี้ พระโยคาวจร ( ถึงกับ) ได้ชื่อว่า
ฌานวิพภันตกะ ( สึกจากฌาน) ก็มี เพราะเหตุอะไร เพราะความที่
กรรมฐาน (นี้ ) เป็นกรรมฐานมีอารมณ์น่ากลัวยิ่ง เพราะเหตุนั้น
พระโยคาวจรผู้นั้น จึงแข็งใจทำสติให้ตั้งมั่นด้วยดี ปลงใจลงว่า " อันร่าง
ที่ตายแล้วจะลุกขึ้นไล่ ( คนเป็น) ได้ไม่มี ก็ถ้าว่าก้อนหินหรือ ... ไม้เถา
ที่อยู่ใกล้ๆ ร่างนั้นมันจะพึง (เคลื่อน) มาได้ไซร้ เจ้าร่าง (นั่น) ก็จะ
พึง ( ลุก ) มาได้บ้างแต่ก้อนหินหรือ ... ไม้เถานั้นหา (เคลื่อน ) มาได้
๑. เช่นเวลาโพล้เพล้
๒. อญญ์เอว รูป น่าจะผิด ที่ถูกจะเป็น อญฺญ์ เอวรูป์ เพราะรูปศัพท์และความ ควร
จะเป็นเช่นนั้น
๓. ในวิสุทธิมรรคนี้ ท่านใช้โยคีทุกทีไป แต่หูไทยถนัดข้างโยคาวจร เพราะโยคีเรา
นิยมใช้เรียกผู้ประกอบโยคะ ที่มิใช่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ก็เลยใช้ดึงกันไปดึงกันมา
อยู่เช่นนี้
๔. นิมิตร่วมที่ท่านเคยให้ตัวอย่างไว้มี ๔ คือ ก้อนหิน ไม้ต้น ไม้กอ ไม้เถา แต่ในที่นี้
ท่านกล่าวแต่อันต้นคือก้อนหิน กับอันท้ายคือไม้เถา ก็ต้องเข้าใจเอาได้ว่าท่านทําเปยยาล
แต่เพราะในปาฐะไม่มีเครื่องหมายเปยยาล จึงใช้ ... แทน