ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 174
วิหรติ เธอเป็นผู้วางเฉยอยู่ด้วย " ดังนี้ อุเบกขานี้ชื่อว่า ฌานุเบกขา
ส่วนอุเบกขาใดหมดจดจากปัจจนึกธรรมทั้งปวง เป็นอาการที่
ไม่ต้องขวนขวายแม้ในการระงับปัจจนึกธรรม อันมา ( ในจตตุถฌาน
ปาฐะ ) อย่างนี้ว่า " อุเปกขาสติปาริสุทธิ์ จตุตถ์...เข้าถึง
จตุตถฌานอันมีความบริสุทธิ์แห่งสติที่เกิดแต่อุเบกขา " ดังนี้ อุเบกขา
นี้ชื่อว่า ปริสุทฺธุเบกขา
ในอุเบกขา ๑๐ นั้น ฉฟังคุเบกขา ๑ พรหมวิหารุเบกขา ๑
โพชฌงคุเบกขา ๑ ตัตรมัชฌัตตุเบกขา ๑ ฌานุเบกขา ๑ ปริสุทธุ
เบกขา ๑ ( รวม ๖ ) โดยความก็เป็นตัตรมัชฌัตตุเบกขาอันเดียวเท่านั้น
แต่ที่อุเบกขานั้นแตกกัน ( เป็นหลายประเภท ) นี้ก็เพราะความต่างกัน
แห่งฐานะ ( ความเป็นอยู่ในสมัย) นั้นๆ ดุจคนแม้เป็นคนๆเดียว
ก็ต่างกันได้โดยฐานะ เช่นเป็นเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นผู้ใหญ่ เป็น
เสนาบดี เป็นพระราชา เพราะเหตุนั้น ในอุเบกขา 5 นั้น พึงทราบ
ว่า ฉฟังคุเบกขามีอยู่ในที่ใด อุเบกขา ( อีก ๕ ) มีโพชฌงคุเบกขา
เป็นต้นก็ไม่มีในที่นั้น หรือว่าโพชฌงคุเบกขามีอยู่ในที่ใด อุเบกขา
(อีก ๕ ) มีฉฟังคุเบกขาเป็นอาทิก็ไม่มีในที่นั้น ก็แลความที่อุเบกขา
๖ นั้นเป็นอันเดียวกัน โดยความ ย่อมมีฉันใด แม้ความเป็นอันเดียว
กันโดยความแห่งสังขารุเบกขาและวิปัสสนูเบกขาก็มีฉันนั้นแท้จริง
อุเบกขาทั้งสองนั้นคือปัญญาเหมือนกัน แต่เป็น ๒ โดยกิจ เหมือน
อย่างว่าเมื่อบุรุษถือ ไม้ง่ามค้นหางูซึ่ง ( เลื้อย) เข้าไปสู่เรือนเมื่อตอน
เย็น พบมันซุกอยู่ที่ลังแกลบ จ้องดูว่ามันเป็นงูหรือมิใช่ เห็น