ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 177
ปรากฏ สัมปชัญญะ มีความไม่หลงเป็นลักษณะ มีความตัดสินใจ
เป็นรส มีความเลือกเฟ้นเป็นเครื่องปรากฏ
ในฌานเหล่านั้น สติสัมปชัญญะนี้ ย่อมมีแม้ในฌานต้นๆ
ด้วยว่าแม้เพียงแต่อุปจารก็ย่อมไม่สำเร็จแก่ภิกษุผู้ลืมสติไม่มีสัมปชัญญะ
จะป่วยกล่าวไปไยถึงอัปปนา ก็จริงแล แต่ทว่าเพราะความที่ฌาน
(ต้นๆ ) เหล่านั้นยังหยาบอยู่ ความดำเนินไปแห่งจิตยังเป็นการ
สะดวก ดุจการที่บุรุษเดินไปบนพื้นราบ ย่อมเป็นการสะดวกฉะนั้น
กิจแห่งสติสัมปชัญญะในฌานเหล่านั้นจึงยังไม่ชัด แต่เพราะความที่
(ตติย) ฌานนี้ละเอียดเข้าเพราะละองค์ที่หยาบได้จำปรารถนาความ
ดำเนินไปแห่งจิตมีสติสัมปชัญญกิจประคับประคองทีเดียว ดุจการที่
คนเดินไปบนพื้นอันแหลมคมฉะนั้น เพราะเหตุนั้น จึงตรัส (สโต
สมฺปชาโน ) ไว้แต่ในตติยฌานนี้
พึงทราบอรรถาธิบายยิ่งขึ้นอีกหน่อย ลูกโคที่ยังติดแม่ ถูก
พรากไปจากแม่แล้วไม่ (มีใคร) คุมไว้ ก็ย่อมเข้าไปหาแม่อีกนั่นเอง
ฉันใด สุขในตติยฌานนี้ที่ถูกพรากออกจากปีติแล้วก็ฉันนั้น สุขนั้น
พระโยคาวจร ไม่คุมไว้ด้วยเครื่องคุมคือสติสัมปชัญญะ ก็จะพึงเข้าไป
สู้ปีติอีกแน่แท้ ( กลับ ) เป็นฌานที่สัมปยุตด้วยปีติไปเสียเท่านั้น อนึ่ง
บัณฑิตพึงทราบว่า บททั้ง ๒ ( คือ สโต สมฺปชาโน) นี้พระผู้มีพระภาค
เจ้าตรัสไว้แต่ในตติยฌานนี้ เพื่อแสดงอรรถพิเศษนี้อีกว่า ถึงแม้
สัตว์ทั้งหลายยินดีนักในความสุข และสุข ( ในตติยฌาน) นี้เล่าก็เป็
* หมายความว่า เสื่อมลงเป็นทุติยฌานไป (?)