ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 294
ทุกขโทมนัสทางใจบ้าง ครั้นความกำหนัดเขาละเสียได้แล้ว เขาย่อม
ไม่คิดเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง ไม่คิดเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ไม่คิด
เพื่อเบียดเบียนตนและผู้อื่นทั้ง ๒ ฝ่ายบ้างเขาย่อมไม่ได้เสวยทุกข
โทมนัสทางใจ ดูกรพราหมณ์ ธรรมเป็นสันทิฏฐิกะอย่างนี้ประการ ๑
ดังนี้ อนึ่ง แม้โลกุตตรธรรมทั้ง ๕ ก็ชื่อสันทิฏฐิกะ เพราะเป็นธรรมที่
บุคคลใดๆ ได้บรรลุแล้ว บุคคลนั้นๆพึงละความที่จะพึงถึงด้วยความ
เชื่อผู้อื่นเสียแล้ว เห็นเองด้วยปัจจเวกขณญาณ
[นัยที่ ๒ แปลว่า " ชนะ ( กิเลส ) ด้วยสันทิฏฐิ "
៩
นัยหนึ่ง ทิฏฐิอันพระอริยเจ้าสรรเสริญ ชื่อว่า สันทิฏฐิ โลกุต
ตรธรรมย่อมชนะ (กิเลส ) ด้วยสันทิฏฐิ เหตุนั้นจึงชื่อ สันทิฏฐิกะ
จริงอย่างนั้น ในโลกุตตรธรรมนั้น อริยมรรคย่อมชนะกิเลสทั้งหลาย
ด้วยสันทิฏฐิ อันสัมปยุต (กับตน ) อริยผลย่อมชำระกิเลสทั้งหลาย
ด้วยสันทิฏฐิ อันเป็นเหตุ (ของตน) พระนิพพานย่อมชนะกิเลส
ทั้งหลายด้วยสันทิฏฐิ อันเป็นวิสัย (อารมณ์ของตน ) เพราะเหตุนั้น
โลกุตตรธรรมทั้ง 8 จึงชื่อว่าสันทิฏฐิกะ เพราะชินะ (กิเลส ) ด้วย
สันทิฏฐิประดุจนักรบได้ชื่อว่า รถกะ เพราะ (รบ) ชนะด้วย รถ ฉะนั้น
(นัยที่ ๓ แปลว่า " ควรซึ่งการเห็น "]
อีกนัยหนึ่ง การเห็น เรียกว่า ทิฏฐะ ทิฏฐะนั่นเองเป็นสันทิฏฐะ
แปลว่า การเห็น โลกุตตรธรรมย่อมควรซึ่งสันทิฏฐะ ( การเห็น )
*อง. ก. ๒๐/๑๙๙