ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 252
เกิดในอบาย กรรมอันเป็นเหตุแห่งความอุปบัติในอบายนั้นของเขา
เป็นกรรมภพ ขันธ์ทั้งหลายอันเกิดเพราะกรรมเป็นอุปบัติภพ ความ
เกิดแห่งขันธ์ทั้งหลายเป็นชาติ ความหง่อมไป ( แห่งขันธ์เหล่านั้น )
เป็นชรา ความสลายไป ( แห่งขันธ์เหล่านั้น ) เป็นมรณะ
อีกคนหนึ่ง ปรารถนาว่า เราจักเสวยสมบัติในสวรรค์ แล้ว
ประพฤติสุจริตเพราะกามุปาทานเป็นปัจจัยอย่างเดียวกันนั้น ครั้นเปี่ยม
ไปด้วยสุจริต เขา (ตายไป) ก็เกิดในสวรรค์ นัย (ความต่อไป) ก็นัย
เดียวกันนั้น คือ กรรมอันเป็นเหตุแห่งความอุปบัติในสวรรค์นั้นของเขา
เป็นกรรมภพ ดังนี้เป็นต้น
ส่วนอีกคนหนึ่ง ปรารถนาว่า เราจักเสวยสมบัติในพรหมโลก
แล้วเจริญเมตตา เจริญกรุณา มุทิตา อุเบกขา เพราะกามุปาทาน
เป็นปัจจัยเหมือนกัน ครั้นเต็มไปด้วยภาวนา เขา (ตายไป ) ก็เกิด
ในพรหมโลก นัย (ความต่อไป) ก็นัยเดียวกันนั้น คือ กรรมอันเป็น
เหตุแห่งความอุปบัติในพรหมโลกนั้นของเขาเป็นกรรมภพ ดังนี้เป็นต้น
อีกคนหนึ่ง ปรารถนาว่าเราจักเสวยสมบัติในอรูปภพ แล้ว
เจริญสมาบัติมีอากาสานัญจายตนะเป็นอาทิ เพราะกามุปาทานเป็น
ปัจจัยเช่นเดียวกัน ครั้นบริบูรณ์ไปด้วยภาวนา เขา (ตายไป) ก็เกิด
ในอรูปภพนั้นๆ กรรมอันเป็นเหตุแห่งความอุปบัติในอรูปภพนั้น
* มีปัญหาว่า รูปภพและอรูปภพไม่เกี่ยวด้วยกามภูมิมิใช่หรือ ไฉนจึงว่าเจริญพรหมวิหาร
และเจริญสมาบัติเพราะกามุปาทานเป็นปัจจัยเล่า ? มหาฎีกาท่านจึงแก้ไว้ว่า แม้
ภวราคะ ( ความยินดีพอใจในภพ) ก็นับเป็นกามุปาทาน โดยอาศัยคำนิเทศว่า สพฺเพปิ
เตภูมิกา ธมฺมา กามนียฎเจน กามา ธรรมอันเป็นไปในไตรภูมิทั้งสิ้นได้ชื่อว่ากาม เพราะ
อรรถว่าเป็นสิ่งที่สัตว์พึงปรารถนา