ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 194
[เตโชกสิณ]
ฝ่ายพระโยคาวจรผู้ใคร่จะเจริญเตโชกสิณ จึงถือเอานิมิตในไฟ
ในเตโชกสิณนั้น สำหรับพระโยคาวจรผู้มีบุญมีอธิการได้สร้างไว้
เมื่อถือเอานิมิตในไฟที่มิได้แต่ง แลดูเปลวไฟที่ตะเกียง ที่เตา ที่ๆ
ระบมบาตรหรือที่ไฟไหม้ป่าที่ใดที่หนึ่งก็ตาม นิมิตก็เกิดขึ้นได้ ดังพระ
จิตตคุตตเถร ฉะนั้น เล่ากันว่าเมื่อท่านผู้นั้นเข้าไปสู่โรงอุโบสถในวัน
ธรรมสวนะ แลดูเปลวตะเกียงเท่านั้น นิมิตก็เกิดขึ้น ส่วนพระ
โยคาวจรนอกนี้ ( คือผู้ไม่มีบุญญาธิการ ) ต้องแต่ง( กสิณนิมิต ) ขึ้น
นี้เป็นวิธีทำ ในการแต่ง ( กสิณนิมิต) นั้น จึงผ่าฟืนไม้แก่นที่
( แห้ง ) สนิท* ฝั่ง ( แดด ) ไว้แล้ว (ตัด) ทำเป็นท่อนๆ ( หอบ ) ไปสู่
โคนไม้หรือมณฑปที่เหมาะสม กอง (ปืน) เข้าโดยอาการดุจระบบบาตร
ก่อไฟขึ้น แล้วทำให้เป็นช่อง (กว้าง) ประมาณคืบ 4 นิ้ว ( เป็นวงกลม )
เข้าที่เสื่อลำแพนหรือแผ่นหนังหรือผืนผ้าก็ได้ ตั้งเสื่อลำแพนหรือ
แผ่นหนังหรือผืนผ้านั้นไว้ข้างหน้า นั่งโดยนัยที่กล่าวแล้วนั้นแล อย่า
ใส่ใจถึงหญ้าและไม้ข้างใต้ (ช่อง) หรือควันและเปลวข้างบน (ช่อง)
ถือเอานิมิตที่เปลวทึบตรงกลาง ( ช่อง) ไม่ต้องพิจารณาสี (ของไฟ )
โดยว่ามันเป็นสีขาว หรือว่าสีเหลืองเป็นต้น ไม่ต้องใส่ใจลักษณะ
( ของเตโชธาตุ ) โดยว่ามันร้อน จึงทำให้มันเป็นสิ่งเสมอกันกับที่อาศัย
(ของมัน คือนึกเสียว่าสีนั้นมันเป็นอันเดียวกันกับไฟ ซึ่งที่อาศัย
* ให้ใช้ปืนไม้แก่น เพื่อให้ติดไฟอยู่ทน ที่ว่าสนิท หมายความว่าไม่มียางแล้ว