ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 171
เพราะสงบระงับด้วย" แต่เมื่อ จ ศัพท์นั้นผนวกเอาวิตกวิจารรูปสม
ศัพท์เข้ามา พึงทราบโยชนาดังนี้ว่า "เพราะปีติคลายไปด้วย เพราะ
วิตกวิจารระงับไปยิ่งขึ้นอีกหน่อยด้วย" ก็วิราคศัพท์ในโยชนนี้มีอรรถ
ว่า ก้าวล่วง เพราะเหตุนั้นจึงเห็นความ (ดัง) นี้ว่า "เพราะ
ก้าวล่วงปีติด้วย เพราะวิตกวิจารระงับไปด้วย"
อันที่แท้ วิตกวิจารเหล่านั้นระงับไปแต่ในทุติยฌานแล้ว แต่
คำนั้น ( นำมา ) กล่าว ( ในวาระแห่งตติยฌานอีก ) เพื่อแสดงทางของ
ฌานนี้ และเพื่อกล่าวสรรเสริญนี้ด้วย แท้จริง เมื่อกล่าวว่า
" เพราะวิตกวิจารระงับไปด้วย "ดังนี้ ข้อที่ว่า " ความระงับแห่งวิตก
วิจารเป็นทางแห่งฌานนี้แน่แท้ " นี้ย่อมปรากฏ อนึ่ง เมื่อกล่าว
การละ (สังโยชน์) โดยนัยว่า เพราะละสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ มี
สักกายทิฏฐิเป็นต้น ที่แม้มิใช่เพิ่งมาละในอริยมรรคที่ ๓ ดังนี้ ก็ย่อม
เป็นอันกล่าวสรรเสริญ (ตติมรรคนั้น) ยังอุตสาหะให้เกิดแก่พระ
โยคาวจรทั้งหลายผู้ขวนขวายเพื่อบรรลุตติยมรรคนั้น ฉันใด เมื่อกล่าว
ความระงับไปแห่งวิตกวิจารทั้งหลาย ที่แม้มิใช่เพิ่งมาระงับในตติย
ฌานนี้ ก็เป็นอันกล่าวสรรเสริญ (ตติยฌานนั้น) ฉันนั้นเหมือนกัน
เหตุนั้นข้าพเจ้าจึงกล่าวความ (ดัง) นี้ว่า "เพราะก้าวล่วงปีติด้วย
เพราะวิตกวิจารระงับไปด้วย"
(แก้ อุเปกฺขโก จ วิหรติ)
พึงทราบวินิจฉัยในปาฐะว่า อุเปกขโก จ วิหรติ นี้ (ต่อไป)
ธรรมชาติอันหนึ่งชื่อว่าอุเบกขา เพราะอรรถว่าเพ่งโดยอุปบัติ หมาย